น้ำมะเขือเทศมีประโยชน์มากจริงหรือแค่กระแสนิยม
ช่วงนี้กระแสดื่มน้ำมะเขือเทศเพื่อสุขภาพกำลังมาแรง โดยเฉพาะ น้ำมะเขือเทศดอยคำ ที่ฮิตเป็นกระแส ทำให้สาว ๆ หลายคนหันมาหัดดื่มน้ำมะเขือเทศกันเป็นประจำ เพื่อสุขภาพและความงาม แม้กลิ่นและรสชาติ ที่ทำให้แหวะ!!! แต่ก่อนจะหันไปดื่มเครื่องดื่มจากผลไม้ชนิดนี้ เรามาดูกันสักนิดดีมั๊ยค่ะว่า อะไรในน้ำมะเขือเทศที่มีส่วนให้เราขาวสวยได้อย่างที่เราต้องการ
มะเขือเทศ หรือ Tomato ส่วนชื่อวิทยาศาสตร์มะเขือเทศคือ Lycopersicon Esculentum Mill มะเขือเทศคือผักหรือผลไม้ ? คำตอบก็คือ “มะเขือเทศคือผลไม้” โดยคนส่วนมากมักเข้าใจผิดว่ามะเขือเทศคือผักเพราะนำไปใช้ประกอบอาหารกันเป็นส่วนใหญ่ และมักคิดว่าผลไม้คือสิ่งที่ให้ความหวานนั่นเอง โดยมะเขือเทศที่นิยมรับประทานมากคือ มะเขือเทศสีดา มะเขือเทศราชินี และคุณรู้หรือไม้มะเขือเทศนั้นจัดว่าเป็นผลไม้ที่คนทั่วโลกนิยมรับประทานกันมากที่สุด
ประโยชน์ของมะเขือเทศยังมีอยู่มากมาย เพราะอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุอยู่หลายชนิดที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเช่น วิตามินซี วิตามิเอ วิตามินเค วิตามินพี วิตามินบี1 วิตามินบี2 ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส และ ธาตุเหล็ก โดยมะเขือเทศขนาดปานกลางนั้นจะมีปริมาณของวิตามินซีครึ่งหนึ่งของส้มโอทั้งลูก และมะเขือเทศหนึ่งผลมีปริมาณวิตามินเอที่ร่างกายต้องการจำนวน 1 ใน 3 ของวิตามินเอทีร่างกายต้องการต่อวันเลยทีเดียว!! และยังมีสารจำพวก ไลโคพีน (Lycopene) แคโรทีนอยด์ เบต้าแคโรทีน และ กรดอะมิโน เป็นต้น และมะเขือเทศยังจัดว่าเป็นผลไม้ที่มีสรรพคุณเป็นยารักษาโรคได้อีกด้วย เช่น ช่วยป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือด ขับปัสสาวะ รักษาความดัน เป็นต้น
“ไลโคปีน (Lycopene)” สารสำคัญที่พบได้มากในผลมะเขือเทศ ทำหน้าที่เป็นเนื้อเยื่อสำคัญในการห่อหุ้มและป้องกันเมล็ดของมะเขือเทศต่อความเข้มข้นของรังสีอัลตราไวโอเลตที่รุนแรง เพื่อให้ต้นอ่อนได้เจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่ สารตัวนี้จัดเป็นสารประกอบในกลุ่มแคโรทีนอยด์ที่พบได้ในพืชหลายชนิด เช่น แตงโม เกรพฟรุตสีชมพู ฝรั่งสีชมพู มะละกอ รวมถึงมะเขือเทศที่กำลังโด่งดังอยู่ในขณะนี้ ซึ่งผลวิจัยชี้ให้เห็นว่าสารสำคัญตัวนี้มีของดีซ่อนอยู่มากมายเลยทีเดียว
ไลโคปีนเป็นสารประกอบที่มีรายงานว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพได้หลายทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือประโยชน์ด้านการลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งที่อวัยวะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น มะเร็งปอด มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งตับอ่อน มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งคอหอย มะเร็งช่องปาก มะเร็งเต้านม และที่ชัดเจนที่สุดก็คือ ‘มะเร็งต่อมลูกหมาก’ ภัยร้ายที่ลูกผู้ชายหวาดกลัวนั่นเอง
ในด้านของการปกป้องผิวหนัง พบว่าไลโคปีนมีประสิทธิภาพในการต่อต้านอนุมูลอิสระได้มากกว่าวิตามินอีถึง 100 เท่า เมื่อเทียบในปริมาณที่เท่ากัน โดยไลโคปีนจะทำงานร่วมกันกับออกซิเจนในกระแสเลือด เพื่อดักจับสารอนุมูลอิสระและขับมันออกไปให้พ้นจากร่างกาย นอกจากนี้ ยังทำหน้าที่ในการเติมความชุ่มชื้นที่เป็นเสมือนเป็นการสร้างเกราะป้องกันให้กับคอลลาเจนในชั้นผิวอีกด้วย ไลโคปีนในมะเขือเทศจึงมีหน้าที่ในการกำจัดสารอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นบนผิวหนัง พร้อมทั้งยังช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานินที่เป็นตัวการทำให้เกิดความหมองคล้ำด้วยการลดทอนปฏิกิริยาของไทโรซิเนส การรับประทานไลโคปีนจึงส่งผลให้คุณมีผิวที่ขาวเปร่งปรั่งมากขึ้นได้อย่างผิดหูผิดตานั่นเอง
ควรรับประทานมะเขือเทศสดหรือมะเขือเทศที่ผ่านการปรุงอาหารแล้ว
ความเชื่อที่ว่าของสดดีกว่าของที่ปรุงแล้ว ไม่ได้เป็นจริงเสมอไป ในกรณีของมะเขือเทศเป็นหนึ่งในข้อยกเว้น มะเขือเทศที่ผ่านความร้อนจะทำให้การยึดจับของไลโคปีนกับเนื้อเยื่อของมะเขือเทศอ่อนตัวลง ทำให้ไลโคปีนถูกร่างกายนำไปใช้ได้ดีกว่า นอกจากนี้ความร้อนและกระบวนการต่างๆในการผลิตผลิตภัณฑ์มะเขือเทศยังทำให้ไลโคปีนเปลี่ยนรูปแบบ (จากไลโคปีนชนิด “ออลทรานส์”(all-trans-isomers)เป็นชนิด “ซิส”(cis -isomers)) คือ เป็นชนิดที่ละลายได้ดีขึ้น
มะเขือเทศสดและผลิตภัณฑ์มะเขือเทศ ชนิดใดให้ไลโคปีนสูงกว่ากัน
โดยทั่วไป ปริมาณไลโคปีนในผลไม้และมะเขือเทศสดจะไม่แตกต่างกันมาก แต่เมื่อนำมะเขือเทศสดไปผ่านกระบวนการผลิตให้อยู่ในรูปของผลิตภัณฑ์มะเขือเทศชนิดต่างๆ พบว่าปริมาณไลโคปีนสูงขึ้นมาก เนื่องจากมีการผ่านกระบวนการทำให้เข้มข้นขึ้น ดังนั้น อาหารอิตาเลียน พวกพิซซ่า สปาเก็ตตี้ ที่มีการแต่งรสด้วยซอส หรือผลิตภัณฑ์มะเขือเทศเข้มข้น (Tomato paste) ที่ผลิตจากมะเขือเทศ จึงเป็นแหล่งให้ไลโคปีนที่ดี ดังในตาราง
ตาราง แสดงปริมาณไลโคปีนในมะเขือเทศและผลิตภัณฑ์มะเขือเทศ
ผลิตภัณฑ์มะเขือเทศ |
ปริมาณไลโคปีน (มิลลิกรัม ต่อ น้ำหนัก 100 กรัม) |
มะเขือเทศสด มะเขือเทศปรุงสุก ซอสมะเขือเทศ(Tomato sauce) ซุปมะเขือเทศเข้มข้น (Tomato soup (condensed)) น้ำมะเขือเทศ ซอสพิซซ่า (Pizza sauce) ซอสมะเขือเทศ (Tomato ketchup) มะเขือเทศผง ผลิตภัณฑ์มะเขือเทศเข้มข้น (Tomato paste) |
0.88-4.20 3.70 6.20 7.99
5.00-11.60 12.71
9.90-13.44
112.63-126.49 5.40-150.0 |
จากงานวิจัยข้างต้น สามารถยืนยันได้ว่าการที่ร่างกายได้รับไลโคปีนที่เข้มข้นมากเท่าไร ยิ่งมีผลดีต่อสุขภาพผิวและสุขภาพกายมากยิ่งขึ้น ซึ่งถ้าอยากจะให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีขึ้นมากกว่าเดิมอีก แนะนำให้รับประทานมะเขือเทศควบคู่กับผักและผลไม้ที่ให้วิตามินซี เช่น ฝรั่ง ส้ม มะนาว มะขามเทศ เป็นต้น เพราะ “วิตามินซี” จะช่วยเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ละลายในน้ำ ทำหน้าที่ป้องกันสารอนุมูลอิสระบริเวณ ‘ด้านนอก’ ของเซลล์ผิวหนัง ในขณะที่ “ไลโคปีน” จะเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ละลายในไขมัน ทำหน้าที่ป้องกันสารอนุมูลอิสระในระดับ ‘เยื่อหุ้มเซลล์’ ทำให้เซลล์ผิวแข็งแรงจากภายในได้เป็นอย่างดี
เห็นถึงประโยชน์กันขนาดนี้แล้ว ลองหันมาดื่มหรือรับประทานผลิตภัณฑ์จากมะเขือเทศกันดูนะคะ การรับประทานอย่างต่อเนื่องและรับประทานในรูปแบบที่เหมาะสม จะช่วยให้คุณมีสุขภาพผิวที่ดีและมีสุขภาพกายที่แข็งแรงปลอดภัยจากโรคมะเร็งร้าย
ขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.xn--22c0cohr1b8cc2cr6npa.com
http://women.mthai.com/health/117561.html
http://beauty.boxza.com/healthy/19083
http://frynn.com/
http://www.pharmacy.mahidol.ac.th
-
4696 น้ำมะเขือเทศมีประโยชน์มากจริงหรือแค่กระแสนิยม /index.php/article-science/item/4696-2015-02-12-03-21-22เพิ่มในรายการโปรด