4.2 ผลกระทบและความร้ายแรงของการที่หลอดเลือดสลับตำ�แหน่งกันในกรณีนี้เป็น
อย่างไร
ตอบ
ในผู้ที่มีความผิดปกตินี้ตำ�แหน่งของเอออร์ตากับพัลโมนารีอาร์เทอรีสลับกัน
ดังนั้นเลือดที่ไหลไปสู่ปอดจะแยกวงจรกับเลือดที่ไปเลี้ยงทั่วร่างกาย โดยเลือดที่
เอออร์ตาและอาร์เทอรีนำ�ไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายนั้นจะเป็นเลือดที่มีปริมาณ
O
2
ต่ำ� (deoxygenated blood) เนื้อเยื่อจึงได้รับ O
2
ไม่เพียงพอ และการที่เลือด
แยกไหลเป็นสองวงจรเช่นนี้ จะทำ�ให้เลือดที่ผ่านการแลกเปลี่ยนแก๊สจะไม่ไปยัง
ส่วนอื่นของร่างกาย ความรุนแรงของความผิดปกตินี้จึงค่อนข้างสูง
(ผู้ที่มีความผิดปกตินี้ส่วนใหญ่จะมีช่องเปิดระหว่าง aortic arch และพัลโมนารีอาร์เทอรีทำ�ให้เลือด
จากสองระบบสามารถผสมกันได้บ้าง แต่ยังคงต้องได้รับการผ่าตัดเพื่อแก้ไขความผิดปกติดังกล่าว)
5. Ventricular septal defect (VSD) เป็นความผิดปกติที่พบตั้งแต่แรกเกิด โดยหัวใจของผู้ป่วย
จะมีรูเปิดที่ผนังระหว่างเวนทริเคิลซ้ายและเวนทริเคิลขวา ผู้ที่เป็นโรคนี้จะมีอาการ
หัวใจเต้นเร็ว หายใจถี่ เหนื่อยหอบง่าย สามารถใช้ความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างและกลไกการ
ทำ�งานของหัวใจอธิบายอาการดังกล่าวได้อย่างไร
ตอบ
การที่มีรูเปิดที่ผนังระหว่างเวนทริเคิลซ้ายและเวนทริเคิลขวา จะทำ�ให้เลือดที่มี
ออกซิเจนสูงและต่ำ�มาผสมกัน เลือดออกจากหัวใจไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกายจึงมีปริมาณ
O
2
ต่ำ�และปริมาณ CO
2
สูงกว่าคนปกติ ทำ�ให้ประสิทธิภาพการแลกเปลี่ยนแก๊สที่เนื้อเยื่อ
ลดลง เลือดจึงมีความเข้มข้นของ CO
2
สูงและความเข้มข้นของ O
2
ต่ำ�กว่าที่ควร ร่างกาย
จึงตอบสนองด้วยการหายใจถี่และหัวใจเต้นเร็ว ทำ�ให้บุคคลที่เป็นโรคมีอาการเหนื่อยหอบ
ง่ายเมื่อทำ�กิจกรรมต่าง ๆ
6. จากตารางแสดงเส้นผ่านศูนย์กลางของหลอดเลือด
หลอดเลือด
ค่าเฉลี่ยของเส้นผ่านศูนย์กลาง
ภายนอก (µm)
ค่าเฉลี่ยของเส้นผ่านศูนย์กลาง
ภายใน (µm)
A
10
8
B
3,000
1,000
C
3,500
3,000
หลอดเลือดใดเป็นอาร์เทอรี เวน และหลอดเลือดฝอย เพราะเหตุใด
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 15 | ระบบหมุนเวียนเลือดและระบบน้ำ�เหลือง
ชีววิทยา เล่ม 4
137