มะเร็งเม็ดเลือดขาว
ในร่างกายมนุษย์มีการลำเลียงสารไปยังเซลล์ต่าง ๆ ทั่วร่างกาย และนำสารที่ร่างกายไม่ต้องการไปกำจัดออก โดยเลือดทำหน้าที่ลำเลียงสารต่างๆ เช่น สารอาหาร แก๊ส และสารอื่นๆ ไปยังส่วนต่างๆ ทั่วร่างกาย และยังนำของเสียที่เซลล์ไม่ต้องการ รวมถึงแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ไปกำจัดออกนอกร่างกาย เลือดจึงมีความสำคัญต่อการรักษาดุลยภาพของร่างกาย
ในการตรวจสุขภาพ แพทย์จะวัดอุณหภูมิของร่างกาย ความดันเลือด การหายใจ การเต้นของหัวใจ และในบางกรณีก็จะมีการตรวจเลือด ซึ่งมีประโยชน์ในการตรวจสุขภาพเบื้องต้นและช่วยวินิจฉัยโรคได้ โดยหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา เล่ม 4 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ได้กล่าวถึง เนื้อหาเกี่ยวกับเลือดไว้ในบทที่ 15
การตรวจดูส่วนประกอบของเลือดสามารถทำได้โดยการเจาะเลือดใส่ในหลอดเก็บเลือด จากนั้นเติมสารป้องกันการแข็งตัวของเลือด แล้วนำไปปั่นแยก พบว่าเลือดมีการตกตะกอนแบ่งเป็นส่วนๆ คือ พลาสมา (Plasma) พบประมาณร้อยละ 55 ของปริมาณเลือดทั้งหมดส่วนที่เหลืออีกประมาณร้อยละ 45 เป็นเซลล์เม็ดเลือดขาว (Leukocyte) เกล็ดเลือด หรือเพลตเลต (Platelet) และเซลล์เม็ดเลือดแดง (Erythrocyte) ดังภาพ 1 และภาพ 2
ภาพ 1 เซลล์เม็ดเลือดแดง เซลล์เม็ดเลือดขาวและเพลตเลตของมนุษย์ ภายใต้กล้องจุลทรรศน์ใช้แสงเชิงประกอบ
ภาพ 2 ส่วนประกอบของเลือดที่ผ่านการปั่นแยก
บทความนี้เป็นการเสริมความรู้เกี่ยวกับความผิดปกติที่เกิดขึ้น กับเลือด ดังที่กล่าวไว้ข้างต้นว่าในบางกรณีการตรวจสุขภาพก็มีการตรวจเลือดด้วย เนื่องจากการตรวจเลือดมีประโยชน์ในการตรวจสุขภาพเบื้องต้นและช่วยวินิจฉัยโรคได้ เช่น การตรวจค่าไต การตรวจค่าเบาหวาน การตรวจหาระดับโปรตีนในเลือด เพราะเลือดมีหน้าที่สำคัญในการลำเลียงสารอาหาร น้ำ ของเสีย รวมถึงสิ่งแปลกปลอมต่างๆ ที่เข้าร่างกาย การตรวจเลือดจึงเป็นวิธีที่สามารถตรวจหาสารปนเปื้อนในร่างกายได้ นอกจากนี้ การตรวจเลือดยังถือได้ว่าเป็นการตรวจเบื้องต้น เพื่อให้เราได้ป้องกันและรักษาโรคได้ทันท่วงที โดยเฉพาะโรคแฝงที่ไม่ได้แสดงอาการ ในระยะแรก ดังนั้น เราจึงควรตรวจเลือดอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อการดูแลรักษาสุขภาพไม่ให้เป็นโรค นอกจากนี้ การตรวจเลือดยังเป็นการตรวจเพื่อหาความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับเลือดด้วย เช่น
- การตรวจหาปริมาณเซลล์เม็ดเลือดแดง หากพบเซลล์เม็ดเลือดแดงมีความผิดปกติ มีปริมาณลดลง หรือรูปร่างปลี่ยนแปลงไปอาจส่งผลให้ร่างกายเกิดโรคต่างๆ ได้ เช่น ธาลัสซีเมีย และโรคโลหิตจางชนิดซิกเคิลเซลล์
- การตรวจหาปริมาณเซลล์เม็ดเลือดขาว หากตรวจพบปริมาณเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ผิดปกติอาจทำให้เกิดโรคเกี่ยวกับเลือดได้ เช่น โรคเอดส์ โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือลิวคีเมีย
โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือลิวคีเมีย (Leukemia)
เป็นโรคมะเร็งชนิดหนึ่งที่เกี่ยวกับเลือด เกิดจากเซลล์ต้นกำเนิด สร้างเซลล์เม็ดเลือดในไขกระดูกมีความผิดปกติ ส่งผลให้ผู้ป่วยโรคนี้มีการสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ผิดปกติเนื่องจากเซลล์เม็ดเลือดขาวตัวอ่อน มีการแบ่งตัวอย่างรวดเร็วมากกว่าปกติจนทำลายการสร้างเซลล์เม็ดเลือดในไขกระดูก ทำให้มีการสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้น แต่การสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงและเกล็ดเลือดลดลง
ความสำคัญของเซลล์เม็ดเลือดขาว
เซลล์เม็ดเลือดขาวทำหน้าที่ป้องกันและทำลายเชื้อโรคหรือ สิ่งแปลกปลอมในระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เมื่อเจริญเต็มที่มีจำนวนน้อยกว่าเซลล์เม็ดเลือดแดง สร้างและเจริญที่ไขกระดูก แต่บางชนิดจะเจริญต่อจนสมบูรณ์ในไทมัส เซลล์เม็ดเลือดขาวส่วนใหญ่มีอายุประมาณ 2-3 วัน แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่มีแกรนูลเฉพาะเรียกว่า แกรนูโลไซต์ (Granulocyte) และกลุ่มที่ไม่มีแกรนูลเฉพาะเรียกว่า อะแกรนูโลไซต์ (Agranulocyte) ดังภาพ 3
ภาพ 3 ชนิดของเซลล์เม็ดเลือดขาว
เซลล์เม็ดเลือดขาวทำหน้าที่สำคัญในระบบภูมิคุ้มกัน ดังนั้น หากเซลล์เม็ดเลือดขาวในเลือดมีความผิดปกติ เช่น พบเซลล์เม็ดเลือดขาวมีปริมาณสูง อาจทำให้เกิดเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวได้ โดยโรคมะเร็ง เม็ดเลือดขาวสามารถแบ่งได้หลายแบบ เช่น แบ่งตามการดำเนินของโรค และแบ่งตามชนิดของเซลล์มะเร็ง
โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวแบ่งตามการดำเนินของโรค แบ่งเป็น 2 ชนิด คือ
1. มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน (Acute Leukemia) เป็นโรคที่เซลล์มะเร็งแสดงอาการให้เห็นค่อนข้างชัดเจน เซลล์ตัวอ่อนของเซลล์เม็ดเลือดขาวแบ่งตัวอย่างรวดเร็ว อาการของโรคจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และรุนแรง โดยสัมพันธ์กับระดับจำนวนเซลล์เม็ดเลือดขาวที่เพิ่มขึ้น ผู้ป่วยมักมีอาการทรุดลงอย่างรวดเร็วหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที่
2. มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรัง (Chronic Leukemia) เป็น โรคที่มีการเพิ่มจำนวนของเซลล์เม็ดเลือดขาวอย่างผิดปกติ โดยในช่วงแรกมักไม่แสดงอาการหรือมีอาการน้อย การเกิดโรคดำเนินไปอย่างช้าๆ ผู้ป่วยอาจไม่มีอาการผิดปกติใดๆ เลยเป็นเวลานานนับปี แต่สามารถตรวจพบโรคนี้ได้โดยบังเอิญจากการตรวจเลือดหรือการตรวจสุขภาพประจำปี หรือ จนกว่าปริมาณเซลล์เม็ดเลือดขาวในกระแสเลือดสูงขึ้นมาก จนทำให้ อ่อนเพลียหรือโลหิตจาง หรือไปสะสมในม้ามทำให้ม้ามโต ทำให้ท้องอืด หรือคลำเจอก้อนในท้องได้
โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวแบ่งตามชนิดของเซลล์มะเร็ง แบ่งเป็น 4 ชนิด คือ
1. มะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันชนิดมัยอิลอยด์ (Acute Myeloid Leukemia; AML) เป็นมะเร็งที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์เม็ดเลือดขาว กลุ่มมัยอิลอยด์ (เซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดอีโอซิโนฟิล เบโซฟิลและนิวโทรฟิล) พบได้บ่อยกว่าชนิดลิมฟอยด์ (เซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟไซต์) มะเร็งชนิดนี้จะสามารถพบได้ทุกช่วงอายุ แต่มักจะพบบ่อยในผู้ป่วยที่เป็นผู้ใหญ่ มีอาการรุนแรงกว่ามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรัง การตรวจยืนยันจะตรวจจากเลือดร่วมกับการตรวจไขกระดูก
2. มะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันชนิดลิมฟอยด์ (Acute Lymphoblastic Leukemia; ALL) เป็นมะเร็งที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดลิมฟอยด์ โดยพบว่ามีเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟไซต์เพิ่มขึ้น และอาจพบภาวะต่อมน้ำเหลืองโตร่วมด้วย โดยเซลล์มะเร็งจะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว มักพบในผู้ป่วยที่เป็นเด็กหรืออายุน้อย แต่ก็สามารถพบได้ในผู้ใหญ่ด้วยเช่นกัน มีการตอบสนองต่อการรักษาดีกว่า มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด AML และมีโอกาสหายขาดได้สูงหากได้รับการรักษา อย่างเหมาะสม และได้รับการเปลี่ยนถ่ายไขกระดูก การตรวจยืนยันจะตรวจจากเลือดร่วมกับการตรวจไขกระดูก
3. มะเร็งเม็ดเลือดขาวเรื้อรังชนิดมัยอิลอยด์ (Chronic Myelogenous Leukemia; CML) เป็นโรคที่มีเซลล์เม็ดเลือดขาวกลุ่มมัยอิลอยด์ ตั้งแต่ตัวอ่อนถึงตัวแก่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก มักพบในผู้ใหญ่ โดยอาจมีอาการเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลยเป็นเวลาหลายเดือนหรือหลายปี จึงมักตรวจพบโรคนี้โดยบังเอิญจากการตรวจเลือดและตรวจสุขภาพ การตรวจยืนยันจะตรวจหาหน่วยพันธุกรรมซึ่งจำเพาะต่อโรคจากเลือดหรือไขกระดูก โดยจะพบการแลกเปลี่ยนชิ้นส่วนของโครโมโซมคู่ที่ 9 กับคู่ที่ 22 เรียกว่า ฟิลาเดลเฟียโครโมโซม
4. มะเร็งเม็ดเลือดขาวเรื้อรังชนิดลิมฟอยด์ (Chronic Lymphocytic Leukemia; CLL) เป็นโรคที่มีเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟไซต์เพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่พบในผู้สูงอายุ ผู้ป่วยอาจไม่แสดงอาการ แต่มักพบว่าเป็นมะเร็งชนิดนี้โดยบังเอิญจากการตรวจเลือดหรือตรวจสุขภาพ การตรวจยืนยันจะตรวจพิเศษจากเลือดหรือไขกระดูกเพื่อย้อมโปรตีนบนผิวเซลล์
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว
ปัจจุบันยังไม่พบสาเหตุที่แน่ชัดที่ทำให้เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว แต่มีปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดโรคนี้ได้ เช่น
1. การได้รับกัมมันตภาพรังสี
2. การติดเชื้อไวรัสบางชนิด
3. การได้รับยาเคมีบำบัดจากการรักษาโรคมะเร็งชนิดอื่นๆ
4. การสัมผัสสารเคมีบางชนิด เช่น สารเคมีในกลุ่มเบนซีน ยาฆ่าแมลง ยาย้อมผม หรือสเปรย์ฉีดผม
5. การเป็นโรคทางพันธุกรรม เช่น ดาวน์ซินโดรม
6. การเป็นโรคไขกระดูกเสื่อม (Myelodysplastic Syndrome, MDS)
7. ปัจจัยอื่นๆ เช่น การสูบบุหรี่ ความเครียด
อาการของมะเร็งเม็ดเลือดขาว
ผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวแต่ละรายอาจมีอาการแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็ง เช่น
1. ผู้ป่วยอาจมีอาการจากภาวะโลหิตจาง อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ใจสั่น วิงเวียนศีรษะ หน้ามืดเป็นลมง่าย เนื่องจากความผิดปกติของเซลล์เม็ดเลือดแดง
2. ภูมิคุ้มกันของร่างกายสูญเสียไปทำให้ติดเชื้อได้ง่าย มีไข้ หนาวสั่น เนื่องจากเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ผิดปกติ หรือถ้ามีการสะสมของเซลล์เม็ดเลือดขาวในปริมาณมากก็จะทำให้ตับ หรือม้ามโตได้
3. เลือดออกง่ายกว่าปกติ มีเลือดออกตามไรฟัน มีเลือดกำเดา ปริมาณมาก อาจพบจุดเลือดออกหรือจ้ำเลือดตามตัว รวมถึงมีภาวะเลือดไม่แข็งตัว เนื่องจากเกล็ดเลือดต่ำ
นอกจากนี้ ผู้ป่วยอาจมีอาการเบื่ออาหาร คลำพบก้อนตามตัว เหงื่อออกมากโดยเฉพาะในตอนกลางคืน น้ำหนักลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ ปวดหรือมีอาการกดเจ็บบริเวณกระดูก ต่อมน้ำเหลืองบวมโตโดยเฉพาะ บริเวณคอและรักแร้
การรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว
การรักษาต้องมีการประเมินผลข้างเคียงจากการรักษาในทุกมิติ โดยแพทย์จะประเมินชนิดของโรค อายุ และสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย ก่อนทำการรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสม เช่น
1. เคมีบำบัด (Chemotherapy) เป็นการรักษาหลักสำหรับ มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน (มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรัง จะใช้ยารับประทานเป็นการรักษาหลัก) โดยยาจะไปทำลายเซลล์มะเร็งที่แบ่งตัว อย่างรวดเร็ว เพื่อให้ไขกระดูกสามารถสร้างเซลล์เม็ดเลือดปกติขึ้นมาใหม่ เคมีบำบัดมีทั้งชนิดกิน ฉีดเข้าหลอดเลือดดำและฉีดเข้าน้ำไขสันหลัง และ มักต้องใช้เคมีบำบัดร่วมกันหลายชนิด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษา และลดผลข้างเคียงจากการใช้ยาเคมีบำบัดตัวใดตัวหนึ่งมากเกินไป
2. การปลูกถ่ายไขกระดูกหรือปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cell Transplantation) เป็นการรักษาโดยนำเซลล์ต้นกำเนิดจากเลือดหรือ ไขกระดูกของตัวผู้ป่วยเอง ญาติพี่น้องหรือผู้บริจาคที่เข้ากันได้กับผู้ป่วย มาปลูกถ่ายให้กับผู้ป่วยหลังจากได้รับการรักษาจนโรคอยู่ในระยะสงบ
3. การรักษาแบบจำเพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็ง (Targetedtherapy) เป็นการรักษาโดยใช้ยาที่ออกฤทธิ์เฉพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็ง โดยไม่ทำลายเซลล์ปกติหรือทำลายเซลล์ปกติน้อย เช่น ยาอิมาทินิบ เป็นยารับประทานออกฤทธิ์จำเพาะสำหรับฟิลาเดลเฟียโครโมโซมในผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวเรื้อรังชนิดมัยอิลอยด์(CML) ทำให้ผู้ป่วยสามามารถมีชีวิต ใกล้เคียงกับคนปกติ แต่ต้องรับประทานยาอย่างต่อเนื่อง และมีการติดตามการรักษากับแพทย์ตามที่กำหนด
4. ภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy) เป็นการรักษาที่ใช้ระบบภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยต่อสู้กับเซลล์มะเร็ง โดยการฉีดสารบางชนิดเข้าไปในร่างกาย เพื่อกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันรับรู้ว่าเซลล์มะเร็งเป็นเซลล์ผิดปกติ ที่ต้องทำลาย
โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวยังไม่มีแนวทางป้องกันการเกิดโรค เนื่องจากยังไม่ทราบสาเหตุการเกิดโรคที่แน่ชัด แต่การหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง อาจช่วยลดโอกาสในการเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวได้ เช่น หลีกเลี่ยงการ สัมผัสสารกัมมันตภาพรังสี ไม่รับประทานอาหารที่มีสารปรุงแต่งมากเกินไป รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและเป็นอาหารที่ปรุงสุก ดื่มน้ำสะอาด ให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย หลีกเลี่ยงความเครียด พักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของนิตยสาร สสวท. ปีที่ 51 ฉบับที่ 241 พฤษภาคม – มิถุนายน 2566
ผู้อ่านสามารถติดตามบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่ https://emagazine.ipst.ac.th/242/8/
บรรณานุกรม
National Cancer Institute (NCI). (2022). Chronic Myelogenous Leukemia Treatment. สืบค้นเมื่อ 13 มีนาคม 2566, จาก https://www.cancer.gov/types/leukemia/patient/cml-treatment-pdq.
จันทนา ผลประเสริฐ. (2564). มะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลัน. โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย. สืบค้นเมื่อ 10 มีนาคม 2566, จาก https://chulalongkornhospital.go.th/kcmh/line/มะเร็งเม็ดเลือดขาว.
นพดล ศิริธนารัตนกุล. (2553). โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว. ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล. สืบค้นเมื่อ 1 มีนาคม 2566, จาก https://www.si.mahidol.ac.th/th/healthdetail.asp?aid=323.
ลลิตา นรเศรษฐ์ธาดา. (2566). ลิวคีเมีย. สมาคมโลหิตวิทยาแห่งประเทศไทย. สืบค้นเมื่อ 8 มีนาคม 2566, จาก http://tsh.or.th/Knowledge/Details/51.
ศิริวิชญ์ สมานวรกิจ. (2566). มะเร็งเม็ดเลือดขาว. ศูนย์มะเร็งและโรคเลือด. โรงพยาบาลพญาไท 3. สืบค้นเมื่อ 1 มีนาคม 2566, จาก https://phyathai3hospital.com/home/มะเร็งเม็ดเลือดขาว.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2563). หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา เล่ม 4 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ตามผลการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551.กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพร้าว.
เอกรัฐ รัฐฤทธิ์ธำรง. (2566). โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรัง. สมาคมโลหิตวิทยาแห่งประเทศไทย. สืบค้นเมื่อ 8 มีนาคม 2566, จาก http://tsh.or.th/Knowledge/Details/67.
-
18345 มะเร็งเม็ดเลือดขาว /article-biology/item/18345-25-02-2025เพิ่มในรายการโปรด
-
คำที่เกี่ยวข้องแนวทางการป้องกันมะเร็งเม็ดเลือดขาว การตรวจวินิจฉัยมะเร็งเม็ดเลือดขาว ปลูกถ่ายไขกระดูก เคมีบำบัดมะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งเม็ดเลือดขาวเรื้อรัง มะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลัน ปัจจัยเสี่ยงมะเร็งเม็ดเลือดขาว การรักษามะเร็งเม็ดเลือดขาว อาการมะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งในเลือด Leukemia มะเร็งเม็ดเลือดขาว ลิวคีเมีย