การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ : นั่งเรือชมวาฬบรูด้าในอ่าวไทย
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเป็นแหล่งเรียนรู้สำคัญที่รวบรวมสัตว์น้ำหลายชนิด ให้เราได้เรียนรู้รูปร่างลักษณะและพฤติกรรมบางอย่างของสัตว์ได้ แต่คงจะดีไม่น้อย ถ้าเราสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับสัตว์น้ำในแหล่งที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของสัตว์เอง รู้หรือไม่ว่า เราสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับสัตว์น้ำที่ยิ่งใหญ่ชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่ในท้องทะเลของประเทศไทยได้ โดยที่ไม่ต้องออกเรือไปกลางทะเลไกล ๆ บทความนี้จะพาทุกคนเดินทางท่องเที่ยวเพื่อเรียนรู้วาฬบรูด้าในแหล่งที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติ จากการท่องเที่ยวเชิงนิเวศในอ่าวไทยของเรานี่เอง
การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เป็นการท่องเที่ยวรูปแบบหนึ่งที่เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้สังเกต ชื่นชม เรียนรู้ และเข้าใจธรรมชาติ โดยที่ไม่รบกวนระบบนิเวศ หรือทำให้เกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศน้อยที่สุด เป็นการสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์สัตว์และแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ (สมชัย เบญจชย, 2549; ธนกฤต แดงทองดี, 2565) บทความนี้ขอนำเสนอการท่องเที่ยวเชิงนิเวศเพื่อชมวาฬบรูด้า ซึ่งสามารถใช้บริการจากบริษัทนำเที่ยวหลายแห่งใน จ.สมุทรสาคร หรือ จ.เพชรบุรี ที่จะพาเรานั่งเรือไปชมวาฬบรูด้าในบริเวณอ่าวไทย
โดยทั่วไปวาฬบรูด้าจะพบได้ทั่วโลกในเขตอบอุ่น ในประเทศไทยนั้นพบได้ทั้งในทะเลอันดามัน และทะเลอ่าวไทยตอนบนที่เรียกว่า “อ่าวไทยรูปตัว ก” ดังภาพที่ 1 ซึ่งวาฬบรูด้าในอ่าวไทยถือเป็นสัตว์ประจำถิ่น ไม่มีการอพยพส่วนใหญ่วาฬบรูด้าจะไม่พบรวมเป็นฝูง โดยวาฬเพศผู้จะออกหากินตามลำพัง ส่วนวาฬเพศเมียอาจพบเป็นคู่แม่ลูก วาฬบรูด้าในอ่าวไทยจะพบเห็นได้มากในช่วงเดือนเมษายนถึงกันยายน เนื่องจากเป็นช่วงที่ทะเลมีอาหารหลักของวาฬ ได้แก่ หมึก เคย และปลาขนาดเล็ก เช่น ปลากะตัก ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์มากที่สุด ดังนั้น ช่วงเดือนเมษายนถึงกันยายนจึงเป็นช่วงที่วาฬบรูด้าว่ายขึ้นมาให้เห็นบนผิวน้ำทะเลบ่อยที่สุด อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาดังกล่าวอาจไม่สะดวกสำหรับการนั่งเรือออกไปกลางทะเลเพื่อชมวาฬบรูด้า เนื่องจากเป็นช่วงมรสุม ซึ่งมักมีคลื่นลมแรง ช่วงเดือนตุลาคมถึงธันวาคม ซึ่งเป็นช่วงปลายฤดูฝนต่อเนื่องถึงต้นฤดูหนาวที่สภาพอากาศสงบ จะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมกว่าสำหรับการชมวาฬบรูด้า (กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง, 2556; ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนบน, 2561)
อ่าวไทยรูปตัว ก ที่มา: Google Maps, 2566
การแพร่กระจายของวาฬบรูด้าบริเวณอ่าวไทยรูปตัว ก
ที่มา: กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง, 2556
ภาพ 1 บริเวณที่มักพบวาฬบรูด้าในอ่าวไทยรูปตัว ก
การท่องเที่ยวเชิงนิเวศเพื่อชมวาฬบรูด้านั้นเริ่มต้นจากขึ้นเรือชมวาฬ ที่ท่าเรือของบริษัทนำเที่ยวแห่งหนึ่งประมาณ 8 โมงเช้า ดังภาพ 2 จากนั้น เรือก็จะมุ่งหน้าไปยังกลางทะเลอ่าวไทย ห่างจากชายฝั่งประมาณ 30 กิโลเมตร โดยระหว่างทาง เจ้าหน้าที่บนเรือได้ให้ความรู้เกี่ยวกับวาฬบรูด้าแก่นักท่องเที่ยว รวมถึงข้อปฏิบัติต่าง ๆ ในการอยู่บนเรือและการรับชมวาฬ ดังภาพ 3
ภาพ 2 เรือชมวาฬ
ภาพ 3 เจ้าหน้าที่บนเรือให้ความรู้แก่นักท่องเที่ยว
หลังจากเดินทางมาได้ประมาณ 2 ชั่วโมงกว่า ๆ กัปตันเรือผู้มี ประสบการณ์ก็ใช้สายตาสอดส่องหาวาฬที่เส้นขอบฟ้า ดังภาพ 4 กัปตันใช้เวลามองหาวาฬบรูด้าเพียง 10 นาที ก็เห็นวาฬบรูด้าตัวหนึ่งโผล่ขึ้นมา หายใจจากระยะไกล เมื่อเห็นดังนั้น กัปตันจึงมุ่งหน้าไปยังตำแหน่งของวาฬ
ภาพ 4 น้ำที่วาฬพ่นออกมาบริเวณเส้นขอบฟ้า
เมื่อเข้าไปใกล้วาฬแล้ว กัปตันจะทิ้งระยะห่างจากวาฬประมาณ 300 เมตร เพื่อไม่ให้รบกวนการใช้ชีวิตในธรรมชาติของวาฬ และจะไม่ขับเรือ ไล่ตามวาฬ หลังจากนั้น กัปตันจะจอดเรือให้นักท่องเที่ยวชมวาฬจากบนดาดฟ้าเรือ ดังภาพ 5 การสังเกตวาฬบรูด้าเป็นกิจกรรมที่น่าตื่นเต้น เนื่องจากเราจะไม่ทราบเลยว่าวาฬจะโผล่ขึ้นมาที่ตำแหน่งใด กัปตันที่มีประสบการณ์ จะสังเกตตำแหน่งคร่าว ๆ ได้จากลักษณะของผิวน้ำที่เปลี่ยนไป เนื่องจากการเคลื่อนที่ของวาฬ และจะคอยบอกตำแหน่งให้นักท่องเที่ยวทราบ โดยการบอกทิศเทียบกับเข็มนาฬิกา นักท่องเที่ยวจึงต้องตื่นตัวตลอดเวลาในการสังเกตและถ่ายภาพพฤติกรรมของวาฬ ดังภาพ 6 ซึ่งถ้าเราโชคดี ก็อาจได้เห็นตอนที่วาฬอ้าปากเพื่อกินปลา หรือกระโดดขึ้นมาเหนือน้ำ นอกจากนี้ การถ่ายภาพวาฬบนเรือที่โคลงเคลงต้องอาศัยการทรงตัวที่ดีด้วย
ภาพ 5 การสังเกตวาฬบรูด้าจากดาดฟ้าเรือ
ภาพ 6 นักท่องเที่ยวถ่ายภาพวาฬบรูด้า
โดยทั่วไปวาฬบรูด้าตัวเต็มวัยมีขนาดยาวประมาณ 14 – 15 เมตร ลำตัวมีสีเทาดำ มีครีบหลังขนาดเล็กและปลายแหลม โดยลักษณะเด่นของวาฬบรูด้าคือ สันที่อยู่บนหัว 3 สัน วาฬบรูด้าที่พบในครั้งนี้มีขนาดประมาณ 15 เมตร และสามารถสังเกตเห็นลักษณะเด่นต่าง ๆ ของวาฬได้ครบทั้งส่วนหัว ครีบหาง และครีบหลัง ดังภาพ 7
ภาพ 7 ลักษณะทั่วไปของวาฬบรูด้าที่พบ
ในการเดินทางครั้งนี้ เราพบวาฬบรูด้า 2 ตัว ว่ายเคียงคู่กัน ดังภาพ 8 เจ้าหน้าที่คาดว่าเป็นวาฬเพศผู้กับเพศเมียกำลังจับคู่เพื่อผสมพันธุ์ โดยขณะที่เรือจอดนิ่ง วาฬทั้ง 2 ตัวก็ว่ายน้ำเกี้ยวพาราสีกันรอบ ๆ เรือ บางครั้งก็ลอดใต้ท้องเรือไปมา สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับนักท่องเที่ยว เป็นอย่างมาก
ภาพ 8 วาฬบรูด้ากำลังจับคู่
ขณะที่ทุกคนต่างรู้สึกตื่นเต้นกับการสังเกตการใช้ชีวิตของวาฬ บรูด้าอย่างใกล้ชิด ก็มีสิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนรู้สึกเป็นกังวล นั่นก็คือปัญหาขยะ ในทะเล โดยเฉพาะขยะพลาสติกที่พบเห็นอยู่เป็นระยะ ๆ ตลอดการเดินทาง ตั้งแต่บริเวณท่าเรือจนถึงกลางทะเล ปัญหาขยะในทะเลเป็นปัญหาสำคัญที่ ส่งผลต่อระบบนิเวศ โดยสัตว์น้ำที่กินขยะพลาสติกเข้าไปก็จะเกิดการบาดเจ็บล้มตาย นอกจากนี้ ขยะพลาสติกสามารถกลายเป็นไมโครพลาสติก ซึ่งปนเปื้อนในอาหารและมีผลกระทบต่อมนุษย์ที่อยู่ในสายใยอาหารอีกด้วย โดยแหล่งของขยะมีได้ทั้งจากขยะบนบกซึ่งลอยมาตามแม่น้ำ ลำคลอง แล้วลงสู่อ่าวไทย จากขยะที่ทิ้งจากเรือ หรือจากการลักลอบทิ้งขยะลงทะเล (กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม, ม.ป.ป.; ไทยโพสต์, 2564)
หลังจากสังเกตวาฬบรูด้าร่วม 2 ชั่วโมง กัปตันจึงแล่นเรือกลับเข้าฝั่ง ส่วนวาฬบรูด้าก็ใช้ชีวิตตามธรรมชาติต่อไป สำหรับสถานภาพการอนุรักษ์ในประเทศไทยนั้น วาฬบรูด้าถือเป็นสัตว์ป่าสงวนตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 (กลุ่มงานวิชาการ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 (นครศรีธรรมราช), ม.ป.ป.) โดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (2561) สามารถระบุอัตลักษณ์วาฬบรูด้าได้รวม 68 ตัว ถึงแม้สถานภาพในประเทศไทยและระดับโลกยังไม่น่ากังวล แต่สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกและปัญหาขยะนั้นก็ทำให้เราไม่ควรนิ่งนอนใจ การท่องเที่ยวเชิงนิเวศเพื่อชมวาฬบรูด้าครั้งนี้ทำให้ผู้เขียนและนักท่องเที่ยวหลาย ๆ คนได้เห็นการใช้ชีวิตของสัตว์ในธรรมชาติจริง ๆ และได้ตระหนักถึงธรรมชาติอันสวยงามและเปราะบางในขณะเดียวกัน
วาฬบรูด้า (Bryde’s Whale)
ชื่อวิทยาศาสตร์: Balaenoptera edeni
วงศ์: Balaenopteridae
จัดอยู่ในกลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม (Mammals) ที่อาศัยในทะเล ตัวเต็มวัยมีขนาด 14 – 15 เมตร หนัก 12 – 20 ตัน
แหล่งที่พบ: พบแพร่กระจายอยู่ทั่วโลก โดยเฉพาะในเขตร้อนและเขตกึ่งร้อน ในเขตละติจูด 40 องศาเหนือถึงใต้ ไม่พบการอพยพย้ายถิ่นฐานเป็นระยะทางไกล ในประเทศไทยพบวาฬบรูด้าทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน โดยในฝั่งอ่าวไทยพบห่างจากชายฝั่งเพียง 4 – 30 กิโลเมตร และจัดเป็นวาฬประจำถิ่น
ลักษณะทั่วไป: ลำตัวมีสีเทาดำ รูปร่างค่อนข้างเพรียว มีลายแต้มสีขาวประปรายใต้คางและใต้คอ บางตัวพบมีแถบสีเทาจางบนแผ่นหลัง บางตัวก็มีจุดสีเทาจางทั้งตัวหรือลายกระสีขาว ส่วนหัวมีแนวสันนูน 3 สัน ใต้ปากล่างมีร่องตามยาวประมาณ 40 – 70 ร่อง พาดจากใต้ปากจนถึงสะดือ แผ่นกรองที่ห้อยลงมาจากปากบนมีจำนวน 250 – 370 แผ่น แผ่นที่ยาวที่สุดยาว 60 เซนติเมตร ซี่บนแผ่นกรองค่อนข้างหยาบ ครีบเล็กและปลายแหลม ครีบหลังเป็นรูปโค้งค่อนไปทางด้านปลายหาง แพนหางวางตัวตามแนวราบ
อาหาร: ปลาขนาดเล็ก หมึก และเคย มีวิธีกินแบบตั้งส่วนหัวขึ้นมาเหนือผิวน้ำ และแบบตะแคงด้านข้าง
การแพร่พันธุ์: วาฬบรูด้ามีวัยเจริญพันธุ์ในช่วงอายุ 9 – 13 ปี ให้ลูกครั้งละ 1 ตัวทุก 2 ปี โดยตั้งท้องนาน 10 – 12 เดือน มีระยะให้นมน้อยกว่า 12 เดือน ลูกวาฬแรกเกิดจะมีความยาวประมาณ 3 – 4 เมตร และมีอายุยืนได้ถึง 50 ปี
ที่มา : กลุ่มงานวิชาการ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 (นครศรีธรรมราช), ม.ป.ป.; ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนบน, 2561
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของนิตยสาร สสวท. ปีที่ 51 ฉบับที่ 243 กรกฎาคม – สิงหาคม 2566
ผู้อ่านสามารถติดตามบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่ https://emagazine.ipst.ac.th/243/50/
บรรณานุกรม
NOAA Fisheries. (2023. March 8). Bryde’s Whale. Retrieved June 11, 2023, from https://www.noaa.gov/species/brydes-whale. กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง. (2556, 4 ธันวาคม). วาฬบรูด้า. คลังความรู้ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง. สืบค้นเมื่อ 11 มิถุนายน 2566, จาก https://km.dmcr.go.th/c_250/d_9777.
กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม. (ม.ป.ป.). “ขยะทะเล” ขยะที่ไม่ได้มาจากทะเล. สืบค้นเมื่อ 11 มิถุนายน 2566, จาก https://datacenter.deqp.go.th/knowledge/ environmentdoc/08th/.
กลุ่มงานวิชาการ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 (นครศรีธรรมราช). (ม.ป.ป.). วาฬบรูด้า (Bryde’s whale). สืบค้นเมื่อ 11 มิถุนายน 2566, จาก http://academicparo5.dnp.go.th/บทความวิชาการ-งานวิจัย/สัตว์ป่าสงวน-19-ชนิด-ของปร/วาฬบรูด้า-brydes-whale/.
ไทยโพสต์. (2564, 20 มิถุนายน). แก้ปัญหาขยะทะเล ‘ไทย’ ต้องผนึก’อาเซียน’. สืบค้นเมื่อ 11 มิถุนายน 2566, จาก https://www.thaipost.net/main/detail/106946. ธนกฤต แดงทองดี. (2565, 10 พฤศจิกายน). การท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ (Ecotourism) : การท่องเที่ยววิถีอนุรักษ์ผสานคนกับธรรมชาติเป็นหนึ่งเดียวกัน. มูลนิธิสืบนาคะเสถียร. สืบค้นเมื่อ 11 มิถุนายน 2566, จาก https://www.seub.or.th/bloging/knowledge/ecotourism/.
ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนบน. (2561, กรกฎาคม). ท่องเที่ยวชมโลมาและวาฬเชิงอนุรักษ์ในอ่าวไทยตอนบน Dolphin & Whale Watching in the Upper Gulf of Thailand. สืบค้นเมื่อ 11 มิถุนายน 2566, จากhttps://dmcrth.dmcr.go.th/attachment/dw/download.php?WP=rUqjMT0jqmMZG22DM7y 04TyerPMjBT01qmIZZz1CM5O0hJatrTDo7o3Q.
สมชัย เบญจชย. (2549). การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ. เอกสารประกอบการบรรยาย หลักสูตร “การบริหารจัดการป่าชุมชนและการพัฒนาอาชีพด้านป่าไม้” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549. สืบค้นเมื่อ 11 มิถุนายน 2566, จาก https://www.dnp.go.th/fca16/file/96qfwxab5harkte.doc.