"กิ้งกือ" สัตว์ตัวจิ๋วแสนอันตราย
“สวยซ่อนคม” เป็นประโยคที่อาจใช้อธิบายถึงความอันตรายของกิ้งกือสีสันสดใสที่ถูกค้นพบใหม่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกาได้อย่างชัดเจน เนื่องด้วยรูปแบบที่โดดเด่นและมีความหลากหลายมากกว่ากิ้งกือชนิดอื่น ๆ ที่เคยพบมาก่อนหน้านั้นเป็นทั้งแรงดึงดูดและคำเตือนสำหรับนักล่าในห่วงโซ่อาหาร
ภาพที่ 1 กิ้งกือ
ที่มา https://pixabay.com/th/ ,ROverhate
สิ่งมีชีวิตหลายขาที่เรียกว่า Apheloria polychrome นั้นเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ของกิ้งกือที่เพิ่งถูกค้นพบในพื้นป่าของเทือกเขาคัมเบอร์แลนด์ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของรัฐเวสเวอร์จิเนีย โดยพบลำตัวมีเปลือกแข็งสีดำหุ้มอยู่ภายนอก มีจุดสีที่แตกต่างกัน ส่วนขามีสีแดงหรือสีเหลือง ซึ่งในส่วนของเปลือกหุ้มที่มีลวดลายหลากหลายจะถูกเคลือบไว้ด้วยสารไซยาไนด์ (Cyanide) ที่เป็นพิษ ทั้งนี้เกิดจากกลไกการป้องกันตัวที่พบได้ทั่วไปในกิ้งกือและสิ่งมีชีวิตชนิดต่างๆ ที่จะมีการหลั่งของสารเคมีอย่างเช่น ไฮโดรเจนไซยาไนด์ (Hydrogen cyanide) หรือเบนซิลไซยาไนด์ (Benzoyl cyanide) เมื่อพวกมันรู้สึกถึงภัยคุกคามและถูกรบกวน นอกจากนี้กิ้งกือยังปล่อยสารเคมีอื่น ๆ เช่น เมนดีโลไนไตรล์เบนโซเอต (Mandelonitrile benzoate) และเบนซาลดีไฮด์ (Benzaldehyde) ที่เป็นทั้งสารพิษในการป้องกันตัวและเป็นยาปฏิชีวนะในบางครั้ง
กิ้งกือจะใช้อาวุธเคมีของพวกมันแตกต่างกัน บางตัวจะค่อย ๆ ปล่อยสารออกมาจากต่อมชนิดพิเศษ ในขณะที่บางตัวจะม้วนตัวเพื่อบีบสารพิษออกมา หรือพ่นสารไปยังผู้ล่าโดยตรง ทั้งนี้ตัวของพวกมันเองจะไม่ได้รับอันตรายเนื่องจากมีภูมิคุ้มกันต่อสารพิษที่ผลิตขึ้นเอง และนั่นจึงเป็นความพิเศษที่ทำให้กิ้งกือแตกต่างจากสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆ ยิ่งกว่านั้นกิ้งกือชนิดนี้ยังมีรูปแบบของสีสันที่พวกมันใช้หลบเลี่ยงต่อนักล่าอย่างน้อย 6 รูปแบบที่แตกต่างกันอาทิ มีลำตัวสีดำ มีจุดแต้มตามลำตัวสีเหลือง ขาสีเหลือง หรือมีลำตัวสีดำ จุดแต้มสีขาว และมีขาสีแดง เป็นต้น
ภาพที่ 2 กิ้งกือสายพันธุ์ Apheloria polychrome ที่มีรูปแบบสีสันแตกต่างกัน 6 รูปแบบ
ที่มา https://sciencebriefss.com/life-news/the-most-colorful-millipede-specie-has-just-been-discovered
กิ้งกือ A. polychrome หรือได้รับการขนานนามว่าเป็น "Colorful Cherry Millipede” โดยในส่วนเชอร์รี่นั้นไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับสีสัน แต่หมายถึงกลิ่นของเบนซาลดีไฮด์จากเบนซาลดีไฮด์ ไซยาโนไฮดริน (benzaldehyde cyanohydrin) ซึ่งเป็นสารตั้งต้นที่สังเคราะห์ขึ้นและเก็บไว้ในต่อมพิเศษ เมื่อพวกมันรู้สึกว่ากำลังถูกคุกคามมัน มันจะหลั่ง cyanohydrins ออกมาจากต่อมพิเศษ และแตกตัวโดยมีเอนไซม์เป็นตัวเร่งเพื่อสร้าง Hydrogen cyanide (HCN) และปล่อยแก๊สนั้นออกสู่สภาพแวดล้อมในทันทีเพื่อป้องกันตัวเองจากนักล่าทั้งหลายที่เข้าใกล้มัน
ภาพที่ 3 ภาพแสดงการแตกตัวของ Benzaldehyde cyanohydrin
ที่มา พรรณพร
ไฮโดรเจนไซยาไนด์ (Hydrogen cyanide) เป็นแก็สไม่มีสี มีกลิ่นฉุน และเป็นพิษ ซึ่งสามารถดูดซึมได้ดีผ่านการหายใจและการสัมผัส ก่อให้เกิดผลกระทบแตกต่างกันตามปริมาณที่ได้รับตั้งแต่มีอาการไอ มีเสมหะ หลอดลมอักเสบเรื้อรัง คลื่นไส้อาเจียน เวียนศีรษะ ระคายเคืองตา หายใจไม่ออก กระทั่งสูญเสียการทำงานของระบบต่าง ๆ ภายในร่างกาย และเป็นอันตรายต่อชีวิตได้
นอกจากนี้ทีมนักวิจัยยังพบกิ้งกือสายพันธุ์อื่น ๆ ที่มีการปรับตัวให้มีลวดลายและสีสันที่สะดุดตาเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายจากผู้ล่าได้เช่นเดียวกับสายพันธุ์ที่พบ เรียกปรากฏการณ์นี้ว่า Müllerian mimicry ซึ่งเป็นหนึ่งในวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตที่เกิดจากการคัดเลือกตามธรรมชาติที่เกิดจากสัตว์สองชนิดหรือมากกว่าที่ทั้งมีและไม่ได้มีความสัมพันธุ์ใกล้ชิดหรือเกี่ยวข้องกัน โดยสัตว์ชนิดหนึ่งมีการปรับตัวเลียนแบบสิ่งมีชีวิตที่เป็นแม่แบบเพื่อประโยชน์ในเรื่องการป้องกันตัวเองจากนักล่า อย่างไรก็ดีหากสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้อาวุธในการป้องกันตัวสามารถปรับตัวเลียนแบบได้ จึงเป็นที่น่าสนใจสำหรับสิ่งมีชีวิตที่เป็นอันตรายมากกว่า
ภาพที่ 4 ภาพด้านซ้ายคือผีเสื้อหนอนใบรักธรรมดา (Danaus chrysippus) และภาพด้านขวาคือผีเสื้อหนอนข้าวสารลายเสือ (Danaus genutia) เป็นตัวอย่างการปรับตัวเลียนแบบที่เรียกว่า Müllerian mimicry
ที่มา https://en.wikipedia.org/wiki/Mullerian_mimicry
แม้ว่าลวดลายหรือสีสันดังกล่าวจะสามารถป้องกันอันตรายที่มาถึงตัวได้ แต่ก็ดูเหมือนว่าประโยชน์นั้นจะเป็นประโยชน์ในทางเดียว ที่อาจใช้ได้ผลกับสัตว์ชนิดเดิม ทั้งนี้การปรับตัวเพื่อความอยู่รอดก็ทำให้นักล่าสามารถจดจำรูปแบบและหลีกเลี่ยงอันตรายได้มากขึ้นเช่นกัน
กิ้งกือสายพันธุ์ A. polychrome ถูกค้นพบโดย Paul Marek นักวิจัยจากสถาบันโพลีเทคนิคและมหาวิทยาลัยรัฐเวอร์จิเนีย ผู้ซึ่งเคยค้นพบกิ้งกือที่มีขามากที่สุดเท่าที่เคยพบมาก่อนหน้า และเป็นผู้ที่พยายามค้นหาสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ที่อาจสูญพันธุ์ไปจากโลกนี้ก่อนที่จะได้รับการระบุตัวตน เขากล่าวว่า “มันเป็นความจำเป็นที่ต้องอธิบายและจัดหมวดหมู่สายพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต เพื่อให้ทราบถึงบทบาทของพวกมันในระบบนิเวศ รวมทั้งผลกระทบของมนุษย์ที่มีต่อตัวพวกมันด้วย”
กิ้งกืออาจเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทำให้ใครคนรู้สึกกลัวหรือขยะแขยง แต่บทบาทของกิ้งกือในธรรมชาตินั้นมีประโยชน์ต่อระบบนิเวศมาอย่างยาวนาน ด้วยการเป็นสิ่งมีชีวิตที่ช่วยย่อยสลายและกินเศษซากพืช ใบไม้ และถ่ายออกมาเป็นมูลสารอินทรีย์ที่ช่วยเพิ่มแร่ธาตุในดิน รวมทั้งยังเป็นอาหารให้แก่เชื้อจุลินทรีย์ เชื้อรา และพืชต่างๆ
แหล่งที่มา
Paul E. M, Jackson C. M and Derek A. H. Apheloria polychroma, a new species of millipede from the Cumberland
Mountains (Polydesmida: Xystodesmidae). Zootaxa. 4375 (3): 409–425.
Michelle Starr. (2018, 29 January). This Insanely Colourful Millipede Can Kill 18 Adult Birds.
Retrieved February 24, 2018,
from https://www.sciencealert.com/most-colourful-millipede-kill-bird-cyanide-defence
Addition of carbon nucleophiles.
Retrieved February 24, 2018,
from https://www.britannica.com/science/aldehyde/Addition-of-carbon-nucleophiles#ref998514
Medical Management Guidelines for Hydrogen Cyanide (HCN).
Retrieved February 24, 2018,
from https://www.atsdr.cdc.gov/MMG/MMG.asp?id=1141&tid=249
การพรางตัว (Camouflage). สืบค้นวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2561. จาก
http://www1a.biotec.or.th/BRT/images/stories/camouflage.pdf
-
7932 "กิ้งกือ" สัตว์ตัวจิ๋วแสนอันตราย /article-biology/item/7932-2018-03-19-04-05-13เพิ่มในรายการโปรด