ลองจินตนาการว่าเราได้ไปนอนเล่นในทะเลแห่งหนึ่งโดยที่ไม่ต้องตีขา ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยพยุง เพราะน้ำทะเลอันสุดแสนพิเศษนั้นพยุงตัวคุณให้ลอยได้เอง มันคงเป็นประสบการณ์สุดเลิศล้ำ ทว่าทะเลแห่งนั้นมันไม่ได้อยู่แค่ในจินตนาการน่ะสิ เพราะเรากำลังพูดถึง”ทะเลเดดซี (Dead Sea)” หรือทะเลมรณะ เป็นทะเลหรือทะเลสาบที่ได้ชื่อว่ามีความเค็มที่สุดในโลก

ภาพคนที่สามารถลอยน้ำได้ในทะเลเดดซี
ที่มา https://pixabay.com , Ri_Ya

           ทะเลเดดซีตั้งอยู่ตรงเขตแดนประเทศจอร์แดนและอิสราเอล กำเนิดมาจากแม่น้ำจอร์แดนเป็นสายหลักไหลมายังพื้นที่ของทะเลเดดซีนี้ และด้วยความที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลอื่นอีกน้ำในทะเลเดดซีจึงระเหยออกไปเองด้วยอุณหภูมิอันร้อนระอุในบริเวณนั้นแถมฝนตกน้อยด้วยแล้วก็เติมขึ้นมาใหม่จากแม่น้ำจอร์แดนที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุอย่างโซเดียมหรือแมกนีเซียม แล้วก็ระเหยไปอีกเป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อย ๆจนตัวทะเลเดดซีสะสมแร่ธาตุและเกลือมากขึ้นๆจนปัจจุบันมีความเค็มมากว่าน้ำทะเลทั่วไปถึงเกือบ 10 เท่า โดยทะเลเดดซีมีส่วนผสมของเกลืออยู่ที่ 34.2% (ข้อมูลปี 2011) หรือหมายความว่าในน้ำทะเลเดดซี 1 กิโลกรัมจะมีเกลือละลายอยู่ถึง 342 กรัมกันเลยทีเดียวในขณะที่น้ำทะเลทั่วไปมีส่วนผสมของเกลืออยู่ที่ประมาณ 3.5% หรือหมายความว่าในน้ำทะเลทั่วไป 1 กิโลกรัมจะมีเกลืออยู่ 35 กรัมเท่านั้นด้วยความเค็มขนาดนี้ทำให้ไม่มีสิ่งมีชีวิตใด ๆสามารถอยู่ในทะเลเดดซีนี้ได้ยกเว้น เชื้อราและแบคทีเรียบางชนิดเท่านั้นและนั่นก็เป็นที่มาของคำว่า เดดซี (Dead Sea) หรือทะเลมรณะนั่นเอง แถมมันยังมีอีกสมญานามหนึ่งว่าเป็น“ทะเลที่ไม่มีวันจม” ด้วยเนื่องจากความเข้มข้นของเกลือละลายอยู่สูงทำให้คนสามารถไปลอยน้ำในเดดซีได้อย่างสบายๆเลย !

          เอาล่ะ นักชีววิทยาอาจสนใจว่าเชื้อราหรือแบคทีเรียไหนกันหนอที่สามารถอยู่ในทะเลที่พกเกลือไว้กับตัวได้มากขนาดนั้น นักภูมิศาสตร์อาจสนใจเส้นทางการไหลของแม่น้ำจอร์แดนที่ลำเลียงแร่ธาตุมาป้อนให้ทะเลที่ตั้งอยู่ในระดับต่ำกว่าน้ำทะเลทั่วไปถึง 417.5 เมตรแห่งนี้ แต่สำหรับคนทั่วไปอย่างเรา ๆ สิ่งที่เราอยากทำเมื่อไปอยู่ที่เจ้าแห่งความเค็มนี้ก็แค่การทาครีมกันแดดแล้วพุ่งลงไปนอนพิสูจน์เสียงร่ำลือถึงความ “ไม่มีวันจม” ของมันดูเท่านั้นเอง จริงไหม?

ภาพเกลือที่ติดตามกิ่งไม้ที่อยู่ริมชายหาดทะเลเดดซี
ที่มา https://pixabay.com , LoggaWiggler

          จริงแท้แน่นอน เพราะทุกวันนี้มีนักท่องเที่ยวมากหน้าหลายตาจากทุกสารทิศเดินทางไปท่องเที่ยวพิสูจน์ความไม่มีวันจมของเดดซีอย่างมากมาย ทั้งทางฝั่งอิสราเอลและจอร์แดนซึ่งก็มีการจัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยว มีบริษัททัวร์ มีที่พักสาธารณูปโภคเตรียมไว้พร้อมสรรพ ผู้คนนอนหงายลอยตัว บ้างก็อ่านหนังสือพิมพ์ บ้างก็เล่นมือถือบนผิวน้ำทะเลที่ชายหาดมีผลึกเกลือเกาะอยู่เต็มแห่งนี้กันอย่างสนุกสนาน แถมมีอีกกิจกรรมที่เป็นที่นิยมของผู้คนไม่แพ้การลอยตัวก็คือการเอาโคลนบริเวณทะเลเดดซีมาพอกหน้าทำสปาโคลนกันด้วย เพราะอย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าทะเลเดดซีอุดมไปด้วยแร่ธาตุและวิตามินที่สะสมมายาวนานทำให้มีความเชื่อว่าการทำสปาโคลนจากเดดซีจะช่วยปรับสมดุลต่าง ๆ ในร่างกาย กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ฟื้นฟูผิวทำหน้าเด้งจนถึงกับมีเอาโคลนจากเดดซีมาขายเป็นกระปุกด้วยอีกต่างหากความไม่มีวันจมของเดดซียังไม่หยุดแค่การลอยตัวของมนุษย์เท่านั้น เคยถึงกับมีคนเอาลูกโบวลิ่งหนัก 14 ปอนด์ไปลองลอยในเดดซี แล้วปรากฎว่ามันลอยได้จริง ๆด้วย! หากใครไม่เชื่อสนิทใจว่าเป็นความจริงรึเปล่าแล้วล่ะก็ ถ้ามีโอกาสไปเดดซีก็อย่าลืมพกลูกโบวลิ่งสักสองลูก ลูกหนึ่งหนัก 14ปอนด์ เพื่อไปพิสูจน์ว่าสิ่งที่มีเจ้าคนช่างคิดทดลองมาก่อนหน้านั้นเป็นจริงรึเปล่า ส่วนอีกลูกหนัก 16 ปอนล์ละกันเอาไว้สร้างสถิติใหม่กันไปเลย !!

แหล่งที่มา

Anna Norris (2014, 25 July). 7 intriguing things you didn't know about the Dead Sea. Retrieved February 1, 2020, From https://www.fromthegrapevine.com/nature/intriguing-things-you-didnt-know-about-dead-sea

Kelvin Connolly (2016, 17 June). Dead Sea drying: A new low-point for Earth. Retrieved February 1, 2020, From https://www.bbc.com/news/world-middle-east-36477284

Joshua Hammer (2005, October). The Dying of the Dead Sea. Retrieved February 3, 2020, From https://www.smithsonianmag.com/science-nature/the-dying-of-the-dead-sea-70079351/

Todd Pitock (2017, 23 January). Could Water from the Red Sea Help Revive the Dead Sea?. Retrieved February 2, 2020, From https://www.nrdc.org/onearth/could-water-red-sea-help-revive-dead-sea