เทคนิคการใช้จ่ายเงินให้เลิศ แบบมนุษย์เงินเดือน (น้อย)
สภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันทำให้พนักงานที่มีรายได้จากเงินเดือนเพียงทางเดียว ต้องระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอย เนื่องจากสินค้าที่ใช้ในการอุปโภคบริโภคได้ปรับราคาสูงขึ้น แต่รายรับยังเท่าเดิม ประกอบทั้งสภาวะเงินเฟ้อ' และ เงินฝืด ในแต่ละช่วงของภาวะเศรษฐกิจที่มีผลกระทบต่อมูลค่าของเงิน ทำให้มนุษย์เงินเดือนต้องหาวิธีใช้จ่ายเงินเดือนให้เกิดประโยชน์คุ้มค่ามากที่สุด และต้องเฝ้าคอยจนกว่าจะถึงสิ้นปีซึ่งจะมีการปรับเงินเดือนและรับเงินโบนัสพิเศษเพิ่มเติมคืออาจจะได้มาก ได้น้อย หรือไม่ได้เลย ก็ขึ้นกับผลการประเมินงาน ที่พนักงานแต่ละคนได้ทุ่มเท อุทิศกายและใจให้แก่องค์กร และกำไรจากผลประกอบการที่องค์กรจะจัดสรรให้แก่พนักงานที่สร้างผลงานให้โดนใจผู้ประเมินนั้น เป็นความสามารถของแต่ละบุคคลในการสร้างสรรค์ผลงาน อันจะนำไปสู่การปรับขึ้นเงินเดือนที่เพิ่มมากขึ้น นั่นหมายถึงการมีรายรับเพิ่มขึ้นจนสามารถนำไปจับจ่ายใช้สอยกับสิ่งที่ต้องการ แต่ละคนคงมีวิธีการจัดการกับเงินเดือนของตนที่ได้ รับมาในแต่ละเดือนอยู่แล้วมนุษย์เงินเดือน (น้อย) ถ้าอยากได้หรืออยากมีในสิ่งที่ต้องการ ซึ่งมีราคาแพงก็คงต้องใช้เทคนิคการเก็บออมเงินและการบริหารจัดการเงินแบบวิธีพิเศษ โดยมี "วินัย" เป็นตัวช่วยอีกแรงหนึ่ง ผู้เขียนขออนุญาตแบ่งปันข้อมูลประสบการณ์บางส่วนที่เป็นเรื่องที่ใคร ๆ ก็ทำได้ถ้ามี "วินัย" ในตนเอง ทั้งนี้ ทั้งนั้น ก็เป็นเพียงเทคนิคส่วนตัวหากผู้อ่านเห็นว่ามีประโยชน์และสามารถทำได้จริงเห็นผลจริง ก็จะเป็นประโยชน์และจัดระเบียบการใช้จ่ายเงินเพื่อให้เกิดความมั่งคั่งต่อตัวผู้อ่านเอง หากทำแล้วรู้สึกว่าตัวเองเป็นทุกข์ รู้สึกว่าไม่สะดวกสบาย ก็จงท่อง "วินัย" ไว้ให้ถี่และขึ้นใจ แต่ถ้าพยายามจนสุดความสามารถแล้ว ยังไม่สามารถทำได้ ก็คงต้องแล้วแต่ตัวใครตัวมัน มาดูว่ามีเทคนิคอะไรบ้างในการบริหารจัดการเงินแบบมนุษย์เงินเดือน (น้อย)
เมื่อถึงวันที่เงินเดือนออก เราต้องพยายามจัดสรรเงินให้เป็นหมวดหมูในการใช้จ่ายดังนี้
เงินออม
กันเงินไว้ส่วนหนึ่งตามที่เห็นว่าเหมาะสมอาจจะเป็น 10% ของเงินเดือน แล้วนำเงินจำนวนนั้นไปฝากบัญชีประจำที่มีดอกเบี้ยสูงกว่าบัญชีออมทรัพย์ทั่วไปหรือจะนำไปเปิดบัญชีกองทุนรวม' สามารถขอรายละเอียดได้ที่ธนาคารแต่ละแห่ง ซึ่งจะมีหลากหลายแบบเพื่อให้เลือกตามความเหมาะสมของแต่ละบุคคล หรือที่ทำงานบางแห่งอาจมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ' เป็นสวัสดิการพนักงานเพื่อเป็นการออมเงินไว้ให้พนักงาน เวลาเกษียณจะได้มีเงินก้อนใช้
"วินัย" สอนไว้ว่า เงินส่วนนี้ เก็บแล้วห้ามถอนออกมาใช้ ให้ฝ่ากยาว แต่หมั่นตรวจเช็คดูว่ามีจำนวนเท่าไหร่และวางแผนนำเงินไปลงทุนเพื่อต่อยอดจำนวนเงินให้เพิ่มมากขึ้น เช่น อาจจะลงทุนในหุ้น" หรือ กองทุนอสังหาริมทรัพย์เป็นต้น ทั้งนี้ เราต้องศึกษารายละเอียดของการลงทุนแต่ละประเภทให้เหมาะกับความเสี่ยงที่เรารับได้
เงินใช้จ่ายประจำ
กันเงินส่วนหนึ่งไว้ใช้จ่ายสำหรับค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายเป็นประจำรายเดือน เช่น ค่าเช่าบ้าน ค่าอาหารค่าพาหนะ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าอินเทอร์เน็ต
เงินฉุกเฉิน
เก็บเงินบางส่วนไว้ใช้จ่ายในกรณีฉุกเฉิน เช่นค่ารักษาพยาบาล ค่าซ่อมบำรุงบ้าน-รถ ซึ่งหากเดือนไหนไม่ได้ใช้ก็สามารถโยกไปเป็นเงินออมได้
เงินอื่น ๆ
ค่าใช้จ่ายทางสังคม ค่าทำบุญงานศพ ค่าของขวัญงานแต่งงาน ค่าเสื้อผ้า เครื่องใช้ส่วนตัว เป็นต้น
เพื่อให้มนุษย์เงินเดือน (น้อย) สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างราบรื่น เพราะปัจจัยทางเศรษฐกิจมีผลกระทบต่อการดำรงชีวิต และกำลังซื้ออยู่ในภาวะถดถอย ผู้เขียนขอเสนอเทคนิคและวิธีการลดค่าใช้จ่าย เพื่อเพิ่มเงินในกระเป๋าหลายคนอาจจะไม่คาดคิดว่า ค่าใช้จ่ายในแต่ละวันในบางเรื่อง จะมีผลกระทบต่อเงินในกระเป๋าของมนุษย์เงินเดือน (น้อย) มากมาย ลองมาดูกันว่าเราจะสามารถลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มเงินในกระเป๋าได้อย่างไรบ้าง
- ลดการซื้อสินค้าแบรนด์เนม คงจะเป็นเรื่องยากสำหรับคนที่ติดสินค้าแบรนด์เนม แต่เชื่อหรือไม่สินค้าแบรนด์เนมที่ซื้อมาด้วยราคาแพง เป็นการใช้สอยที่ไม่คุ้มกับเงินที่จ่ายไป บางคนใช้สินค้านั้นแค่ครั้งหรือสองครั้งแล้วก็เปลี่ยนไปซื้อยี่ห้อใหม่หรือรุ่นที่ออกใหม่ ของเก่าจึงกลายเป็นของไร้ค่าซุกอยู่ที่กันตู้ถ้าลดการใช้จ่ายเรื่องนี้ได้ ก็จะพบว่ามีเงินเหลือเก็บมากขึ้น
- ประหยัดน้ำ ประหยัดไฟ ซึ่งเป็นสิ่งใกล้ตัวที่ทุกคนสามารถทำได้ มีหลายวิธีในการประหยัดเพื่อในแต่ละเดือนจะมีเงินเหลือเพิ่มขึ้น ให้ทดลอง 1-2 เดือนแล้วเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ในเดือนก่อนนั้นว่ามีความแตกต่างกันหรือไม่
- ลองเปรียบเทียบราคาสินค้าอุปโภค และบริโภคก่อนซื้อตรวจสอบจากเว็บไซต์ หรือจากประกาศโฆษณาต่าง ๆ ของห้าง ร้าน และจดรายการที่จำเป็นต้องซื้อและต้องใช้จริง ๆ
- หักห้ามใจซื้อสินค้าที่ลดราคาในปริมาณที่มากเกินความจำเป็น ควรซื้อแค่พอดีใช้ เพราะปัจจุบันห้างร้านต่าง ๆ มักจัดรายการลดราคาบ่อย
- วางแผนการเดินทางอย่างรอบคอบ เพื่อจะได้ไม่เสียเวลาและประหยัดค่าน้ำมัน
- ทำอาหารเองที่บ้าน นอกจากจะได้รับประทานอาหารที่สะอาด และรสชาติถูกปากแล้ว ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนในครอบครัวลดการออกไปรับประทานอาหารที่มีราคาแพงนอกบ้านด้วย แต่อาจจะออกไปรับประทานข้าวนอกบ้านบ้าง ตามโอกาสที่สำคัญ ๆ เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ
- ลดการบริโภคชา กาแฟ น้ำอัดลม และน้ำหวานเครื่องดื่มทั้งหลายที่บั่นทอนทั้งเงินในกระเป๋าและสุขภาพ ลองลดดู 1-2 เดือน ก็จะพบว่าเรามีเงินเหลือเพิ่มขึ้นแถมได้ลดน้ำตาลในเลือดอีกทางหนึ่งด้วยบางคนติดกาแฟที่มียี่ห้อดังและราคาแพง ลองคำนวณคร่าว ๆ ในกรณี ที่ดื่มกาแฟทุกวัน ถ้าราคากาแฟต่อแก้วอยู่ที่ 40 บาท ภายในเวลา 30 วัน ก็จะคิดเป็นเงิน 1,200 บาทต่อเดือน แล้วถ้าคูณด้วย 12 เดือน ก็จะเห็นตัวเลขการประหยัดซัดเจนมากยิ่งขึ้น
- การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้มีสุขภาพดีจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลได้และมีร่างกายแข็งแรง พร้อมจะสู้กับงานในวันต่อไปการออกกำลังกายไม่จำเป็นต้องไปสถานที่ออกกำลังกายฟิตเนสที่ต้องเสียค่าใช้บริการเป็นรายเดือน หรือรายปี้ เพราะทุกวันมีสวนสาธารณะหลายแห่งที่สะอาด และสะดวก อีกทั้งสามารถไปใช้บริการได้ฟรี ในสถานที่บางแห่งอาจต้องเสียค่าบำรุงไม่แพงมากเท่ากับสถานที่ออกกำลังกายฟิตเนส หรืออาจจะเลือกวิธีออกกำลังกายที่ไม่ต้องใข้อุปกรณ์เสริม เช่น เดิน วิ่ง และโยคะ เป็นต้น
- เลือกใช้แพ็คเกจค่าโทรศัพท์/อินเทอร์เน็ตรายเดือนในราคาที่เหมาะสมสำหรับการใช้งาน บางคนเลือกแพ็คเกจราคาสูง แต่ใช้น้อย ก็ไม่คุ้มค่า ปัจจุบันมี Wi-Fi ให้บริการในที่ทำงาน หรือตามที่สาธารณะต่าง ๆ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
- หาวิธีสร้างรายได้เพิ่ม โดยนำความรู้ความชำนาญที่มีไปสร้างรายได้ เช่น สอนพิเศษในวิชาที่ตนเองถนัด ร้อยลูกปัด ทำขนมโฮมเมดเป็นต้นในขณะนี้ มีการหาตัวแทนในช่องทางการจำหน่ายสินค้าทางออนไลน์ที่หลากหลายและสามารถเข้าถึงง่ายและสะดวก เช่น Facebook หรือ Instagram เป็นต้น หรือถ้าจะนำสิ่งของที่ใช้แล้วแต่ยังมีสภาพดีไปขายตลาดนัดก็มีมากมาย
ยังมีอีกหลากหลายวิธีการในการลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มรายได้ หากผู้อ่านสามารถลดค่าใช้จ่ายในบางข้อได้ก็จะทำให้มีเงินเหลือเพิ่มมากขึ้น และควรหาวิธีเพิ่มเงินที่มีให้งอกงยด้วยช่องทางต่าง ๆ เช่น การเปิดบัญชีเงินฝากประจำดอกเบี้ยพิเศษแบบไม่ต้องเสียภาษี การลงทุนในกองทุนรวมการลงทุนในหุ้น หรือการลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์เป็นต้น ซึ่งใช้เงินลงทุนไม่มากก็สามารถซื้อได้ ทุกคนคงมีแนวทางในการบริหารจัดการเงินทองของตนเองอยู่แล้วเพียงแต่หาวิธีที่ที่เหมาะกับตนเองและสามารถรับความเสี่ยงได้ทั้งนี้ ควรประเมินความเสี่ยงในการลงทุนแบบต่าง ๆ สำหรับตัวเราเองด้วย อย่างไรก็ตาม "สติ" และ "วินัย" คือตัวช่วยในการกำกับการใช้จ่ายเงิน หวังว่าผู้อ่านที่เป็นมนุษย์เงินเดือน(น้อย) จะได้เกร็ดความรู้การใช้จ่ายเงินไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
หมายเหตุ
1. เงินเฟ้อ (Inflation) หมายถึง ภาวะที่ระดับราคาสินค้าและค่าบริการสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้ความสามารถในการซื้อสินค้าลดลง กล่าวคือจำนวนเงินมูลค่าเท่าเดิมแต่ซื้อสินค้าได้ปริมาณลดลง
2. เงินฝืด (Deflation) หมายถึงภาวะที่ระดับราคาสินค้าและค่าบริการโดยทั่วไปลดลงอย่างต่อเนื่องแต่ก็ขายไม่ได้ เพราะประขาขนไม่มีกำลังซื้อ
3. กองทุนรวม (Mutual fund) หมายถึง การระดมทุนจากนักลงทุนรายย่อยให้เป็นเงินก้อนใหญ่แล้วจดทะเบียนให้มีสถานะเป็นนิติบุคคล แล้วนำเงินนั้นไปลงทุนในหลักทรัพย์หรือสินทรัพย์ต่าง ๆ ตามนโยบายการลงทุนที่ได้ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวนเสนอขายแก่ผู้ลงทุน ข้อดีคือ มีนักบริหารมืออาชีพดูแล สามารถเลือกลงทุนได้มาก-น้อยตามต้องการมีสภาพคล่อง กระจายความเสี่ยงได้แทนที่จะเป็นการลงทุนในก้อนเดียว คือ มีหลากหลายกองทุนให้เลือก
4. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident fund) คือกองทุนที่นายจ้างและลูกจ้างร่วมกันจัดตั้งขึ้น เงินของกองทุนมาจากเงินที่ลูกจ้างจ่ายมาให้ส่วนหนึ่งเรียก "เงินสะสม" และนายจ้างจ่ายอีกส่วนหนึ่งเรียกว่า "เงินสมทบ" เพื่อนำเงินไปบริหารให้เกิดดอกผล โดยผู้บริหารมืออาชีพที่เรียกว่า"บริษัทจัดการ" โดยดอกผลที่เกิดขึ้นจะนำมาเฉลี่ยให้แก่สมาชิกกองทุนทุกคน ตามสัดส่วนของเงินที่แต่ละคนมีอยู่ในกองทุน สมาชิกกองทุนมีสิทธิได้รับเงินจากกองทุนเมื่อความเป็นสมาชิกสิ้นสุดลง โดยจะได้รับส่วนของเงินสะสมเต็มจำนวนในทุกกรณี พร้อมทั้งผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากเงินสะสม ในส่วนของเงินสมทบและผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากเงินสมทบนั้น สมาชิกจะได้รับตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในข้อบังคับกองทุน
5. หุ้น (Stock) เป็นตราสารที่กิจการออกให้แก่ผู้ถือเพื่อระดมเงินทุนไปใช้ในกิจการ โดยผู้ถือหุ้นจะมีฐานะเป็น"เจ้าของกิจการ" ซึ่งจะมีส่วนได้ เสีย หรือมีสิทธิในทรัพย์สินและรายได้ของกิจการ และมีโอกาสได้รับกำไรจากส่วนต่างราคา (capital gain) เมื่อราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นจากที่ซื้อครั้งแรกรวมทั้งมีโอกาสได้รับผลตอบแทนเป็นเงินปันผล (dividend) เมื่อบริษัทมีกำไร
6. กองทุนอสังหาริมทรัพย์ (Property fund) เป็นการลงทุนในที่ดิน บ้าน หอพัก คอนโตมีเนียม เพื่อเก็งกำไรและได้รับผลประโยซน์จากการให้เช่า หรือขาย ในรูปของเงินปันผล
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของนิตยสาร สสวท. ผู้อ่านสามารถติดตามบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่ https://magazine.ipst.ac.th/
บรรณานุกรม
กองทุนรวม. สืบคั้นเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ 2559, จาก http://www.start-to-invest.com/
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ. สืบคั้นเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ 2559. จา Ihtp://www.thaipvd.com/
-
12579 เทคนิคการใช้จ่ายเงินให้เลิศ แบบมนุษย์เงินเดือน (น้อย) /article-mathematics/item/12579-2022-02-15-07-00-17-2-2-2-2-2-2เพิ่มในรายการโปรด
-
คำที่เกี่ยวข้อง