เอชไอวีไม่เท่ากับเอดส์
ถ้าสมัยนี้แล้วใครยังบอกว่าติดเชื้อเอชไอวีแล้วเสียชีวิตแน่ ๆ แสดงว่าคนนั้นไม่อินเทรนด์เอาเสียเลย มากันเลยมาอัปเดตข้อมูลกันหน่อย เอดส์ 2020 ที่เราควรรู้จักเป็นอย่างไร
รู้หรือไม่ว่าปัจจุบันนี้ทางการแพทย์กำลังรณรงค์สร้างความรู้ที่ถูกต้องและลบล้างความเชื่อแบบผิด ๆ เกี่ยวกับโรคเอดส์ นั่นก็คือ พยายามเปลี่ยนคำว่าผู้ติดเชื้อเอดส์มาเอชไอวีแทน เนื่องจาก เอชไอวี (HIV) ที่เรารู้จักกันนั้น เป็นแค่เชื้อไวรัสชนิดหนึ่งเท่านั้น ผู้ที่ติดเชื้อหรือได้รับเชื้อมายังไม่ได้อยู่ในสภาวะของผู้ป่วย ซึ่งควรเรียกว่า ผู้อยู่ร่วมกับเชื้อเอชไอวีแทน ในขณะเดียวกันหากผู้อยู่ร่วมกับเชื้อเอชไอวีซึ่งมีเชื้อไวรัสอยู่ในร่างกาย ไม่ได้รับการทานยาต้านไวรัส จนทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายบกพร่อง เชื้อโรคก็จะสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย นำไปสู่การติดเชื้อโรคแทรกซ้อนต่อไปได้
ภาพเชื้อไวรัส เอชไอวี (ว่า Human Immunodeficiency Virus)
ที่มา https://commons.wikimedia.org/wiki/File:HIV.png , BruceBlaus
เอชไอวี (HIV) คืออะไร
เอชไอวี เป็นเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า Human Immunodeficiency Virus ซึ่งเป็นไวรัสที่มีฤทธิ์สามารถทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาว ซึ่งเป็นเซลล์ที่มีหน้าที่ป้องกันการติดเชื้อโรคต่าง ๆ ที่เข้าสู่ร่างกาย ดังนั้น เมื่อเซลล์เม็ดเลือดขาวถูกทำลายก็จะทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายบกพร่องนั่นเอง
เอดส์ (AIDS) คืออะไร
เอดส์ (Acquired Immunodeficiency Syndrome - AIDS) คือกลุ่มอาการของการติดเชื้อโรคแทรกซ้อนอันเนื่องมาจากที่กล่าวไปข้างต้นคือ ผู้ที่ได้รับเชื้อเอชไอวีซึ่งมีภูมิคุ้มกันที่บกพร่อง ทำให้ติดเชื้อโรคแทรกซ้อนได้ ดังนั้นเราจึงเรียกผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่มีอาการโรคแทรกซ้อนเหล่านี้ว่า ผู้ป่วยโรคเอดส์
ติดเชื้อเอชไอวี ≠ โรคเอดส์
เราสามารถอธิบายความแตกต่างของเอชไอวีกับโรคเอดส์ได้จาก ระยะอาการและความผิดปกติได้ 3 ระยะดังนี้
ระยะที่ 1 : ระยะที่ติดเชื้อไวรัสใหม่ๆ หรือ ระยะติดเชื้อปฐมภูมิ เป็นระยะเริ่มต้นที่ผู้ได้รับเชื้อจะมีอาการป่วยเบื้องต้น และเป็นอาการที่ไม่รุนแรงสามารถหายได้ภายใน 2 – 4 สัปดาห์ เช่น อาการเจ็บคอ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ มี ไข้ต่ำๆ อ่อนเพลีย น้ำหนักลดเล็กน้อย ถ่ายอุจจาระเหลว แต่ก็เป็นระยะที่ไวรัสเริ่มแพร่กระจาย
ระยะที่ 2 : ระยะติดเชื้อเรื้อรัง การติดเชื้อฉวยโอกาส เป็นระยะเริ่มแสดงอาการให้เห็นชัดเจน เริ่มจะมีตุ่มขึ้นตามร่างกาย เริ่มมีอาการติดเชื้อโรคต่าง ๆ เช่น เชื้อราขึ้นที่ลิ้น หรือมี วัณโรค ปอดกำเริบ โรคเริม หรือโรคงูสวัด ในระยะนี้ปริมาณของ CD 4 positive T-cell ในเลือด จะค่อย ๆ ลดจำนวนลงอย่างช้า ๆ ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันต้านทานโรคของร่างกาย ไม่สามารถกำจัดเชื้อไวรัสได้ เพราะ CD 4 positive T-cell จะลดจำนวนลงเรื่อยๆ แต่ในปัจจุบันผู้ติดเอชไอวีในระยะนี้ส่วนใหญ่จะได้รับยาต้านไวรัสทำให้ผู้ติดเชื้อมีชีวิตอยู่ในระยะนี้ได้ยาวนาน จนไม่สามารถตรวจพบเชื้อเอชไอวีในร่างกายได้อีก เมื่อตรวจไม่เจอก็เท่ากับไม่แพร่เชื้อสู่ผู้อื่นได้
ระยะที่ 3 : ระยะเอดส์ เป็นระยะที่ปริมาณของ CD 4 positive T-cell จะต่ำมาก ส่วนใหญ่ต่ำกว่า 200 เซลล์ต่อไมโครลิตร ทำให้มีการติดเชื้อฉวยโอกาส ในอวัยวะสำคัญอย่างรุนแรง ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายถูกทำลายเกือบทั้งหมด จนร่างกายไม่สามารถขจัดเชื้อโรคต่างๆ ที่เข้าสู่ร่างกายได้ และจะมีอาการ เช่น วัณโรค เชื้อราขึ้นสมอง ต่อมน้ำเหลืองกระจายทั่วร่างกาย ปอดอักเสบ
ดังนั้น ผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี ไม่จำเป็นจะต้องเป็นโรคเอดส์เสมอไป เอชไอวีเป็นเชื้อไวรัส ส่วนเอดส์เป็นภาวะที่ร่างกายมีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ซึ่งเป็นหลังจากที่ร่างกายถูกทำร้ายจากไวรัสเอชไอวี อีกทีหนึ่ง เราอาจสรุปได้ว่า ระยะที่ 1 และ 2 ของการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี ยังไม่เรียกว่าเป็นโรคเอดส์ หากตรวจพบว่าติดเชื้อได้เร็วผ่านการตรวจเลือด สามารถรักษาได้ด้วยการทานยาต้านไวรัส เราจะเรียกระยะที่ 3 ของโรคว่าเป็นโรคเอดส์
แหล่งที่มา
HIV ไม่เท่ากับ เอดส์ . สืบค้นเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2563. จาก https://www.vichaiyut.com/th/health/diseases-treatment/other-diseases/hiv-aids/
HIV/AIDS ต่างกันนะ. สืบค้นเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2563. จาก https://www.mplusthailand.com/hivaids/hivaids-ต่างกันนะ/
รู้หรือไม่? “เอดส์” (AIDS) และ “เอชไอวี” (HIV) ต่างกันอย่างไร?. สืบค้นเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2563. จาก https://www.sanook.com/health/13765/
-
11363 เอชไอวีไม่เท่ากับเอดส์ /article-science/item/11363-2020-03-12-03-24-37เพิ่มในรายการโปรด
-
คำที่เกี่ยวข้อง