Joseph Banks นักพฤกษศาสตร์ผู้ให้กำเนิดสวน Kew แห่งลอนดอน
เมื่อกัปตัน James Cook ออกเดินทางรอบโลกเป็นครั้งแรกด้วยเรือ Endeavour ในปี 1768 เพื่อค้นหาทวีปใหม่ในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ Joseph Banks หนุ่มวัย 25 ปี ผู้เป็นลูกเศรษฐีต้องการร่วมขบวนสำรวจด้วย จึงขออนุญาตเดินทางไปกับ Cook โดยจะใช้เงินประมาณ 10,000 ปอนด์ของตนเป็นค่าเดินทาง และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เพื่อนำเพื่อนนักธรรมชาติวิทยา ชื่อ Daniel Solander ผู้เป็นศิษย์ของ Carolus Linnaeus และจิตรกรต่าง ๆ เพื่อวาดภาพสิ่งต่าง ๆ ที่เห็น (ในสมัยนั้นยังไม่มีกล้องถ่ายรูป) ไปด้วย
เมื่อคณะสำรวจของ Cook เดินทางกลับถึงอังกฤษในปี 1771 Banks กับคณะ ได้นำพืชและสัตว์ตัวอย่างที่แปลก น่าสนใจ และสวย ซึ่งไม่มีใครเคยเห็นมาก่อนกลับมามากมาย เช่น พืช 1,400 สายพันธุ์ใหม่ ซึ่งได้แก่ ยูคาลิปตัส กระถิน เฟื่องฟ้าฯลฯ รวมถึงสัตว์แปลก ๆ เช่น จิงโจ้
วัสดุที่นำกลับมานี้ ปัจจุบันถูกเก็บอยู่ที่ British Museum ในส่วนธรรมชาติวิทยา และความสำเร็จของ Cook ในการเดินทาง และความยิ่งใหญ่ของ Banks ในการเก็บรวบรวมธรรมชาติ ทั้งที่เป็นสิ่งมีชีวิตและไร้ชีวิตนี้ ได้ชักจูงใจให้ Charles Darwin ออกเดินทางสำรวจโลกบ้างในปี 1831 ซึ่งมีผลทำให้ Darwin พบทฤษฎีวิวัฒนาการในที่สุด
Joseph Banks
ที่มา : www.pukeariki.com
Joseph Banks เกิดเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1743 (ตรงกับรัชสมัยพระเจ้าบรมโกศ) ที่กรุงลอนดอนในครอบครัวที่มีฐานะดี เพราะบิดา William กับมารดา Sarah เป็นเจ้าของที่ดินที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ในเมือง Revesby แคว้น Lincolnshire เด็กชาย Banks รู้สึกชอบใช้ชีวิตธรรมชาตินอกเมือง เพื่อดูพืชและแมลงมาก เมื่ออายุ 9 ขวบได้ไปศึกษาที่โรงเรียนที่มีชื่อเสียงคือ Harrow จากนั้นได้ย้ายไปเรียนต่อที่โรงเรียน Eton เมื่ออายุ17 ปี Banks ได้สอบเข้าเรียนที่วิทยาลัย Christchurch แห่งมหาวิทยาลัย Oxford แต่เมื่อรู้ว่าที่มหาวิทยาลัย Oxford ไม่มีการเรียน การสอนวิชาพฤกษศาสตร์เลย Banks จึงตัดสินใจจ้าง Israel Lyons ซึ่งเป็นอาจารย์จากมหาวิทยาลัย Cambridge มาสอนตนเป็นการส่วนตัว และนั่นนับเป็นครั้งแรกที่มหาวิทยาลัย Oxford มีการสอนวิชาพฤกษศาสตร์ เมื่ออายุ 18 ปี Banks ก็กำพร้าบิดา และได้รับเงินมรดกปีละ 6,000 ปอนด์ ซึ่งนับว่ามากเพียงพอสำหรับ Banks ที่จะใช้ชีวิตต่อไปโดยไม่ต้องทำอะไรเลย และเมื่อ Banks ได้พบว่าชีวิตนิสิตที่ Oxford ไม่มีอะไรท้าทาย เขาจึงลาออกโดยไม่ขอสอบรับปริญญา
สวนพฤกษศาสตร์ Sir Joseph Banks ที่อ่าว Botany ออสเตรเลีย
ที่มา : http://sydney-city.blogspot.com/2011/09/botanysir-joseph-banks-park-sculpture.html
เมื่ออายุ 23 ปี Banks ได้เดินทางไกลเป็นครั้งแรก เพื่อเก็บรวบรวมสิ่งมีชีวิตที่น่าสนใจใน Newfoundland เป็นเวลา10 เดือน และที่ Labrador เป็นเวลา 5 เดือน แต่ได้ล้มป่วยเป็นไข้จนเกือบเสียชีวิต ในการเดินทางครั้งนั้น Banks ได้พบนกชนิดใหม่ 34 สปีชีส์ รวมถึงพบซากของนก Auk ที่สูญพันธุ์ไปแล้วด้วย ในเบื้องต้น Banks เข้าใจผิดว่ามันเป็นนกเพนกวิน และสำหรับใบไม้ของพืชตัวอย่างที่ Banks เก็บกลับมานั้น ปัจจุบันก็ยังอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ British Museum ผลงานที่สำคัญนี้ทำให้ Banks ได้รับเลือกเป็น Fellow of the Royal Society (F.R.S.)
ในเดือนสิงหาคม ปี 1768 Banks ได้เดินทางไกลไปสำรวจมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ และไปสังเกตเหตุการณ์ดาวศุกร์โคจรตัดหน้าดวงอาทิตย์ (ในปี 1769) กับกัปตัน James Cook โดยเรือ Endeavour ในเรือมีอุปกรณ์สำรวจธรรมชาติอย่างครบครัน เมื่อเรือเข้าเทียบท่าที่ Brazil Banks ได้สังเกตเห็นดอกเฟื่องฟ้า (bougainvillea) เป็นครั้งแรก และเมื่อเรือเดินทางถึงTierra del Fuego ในเดือนธันวาคม อากาศหนาวจัดจนลูกน้อง2 คนล้มป่วยเป็นโรคปอดบวมและเสียชีวิต
จากทวีปอเมริกาใต้ เรือ Endeavour ได้เดินทางต่อถึงเกาะ Tahiti เมื่อวันที่ 12 เมษายน ค.ศ.1769 และได้พบว่าชาวเกาะให้ความเป็นมิตรมาก จนกะลาสีเรือที่ไม่ได้เห็นสตรีมานานร่วมปี รู้สึกต้องการจะมีความสัมพันธ์ด้วย
Banks เองก็มีสัมพันธ์กับหญิงชาวเกาะคนหนึ่ง จึงได้พยายามเรียนและพูดภาษาพื้นเมือง เพื่อจะได้เข้าใจวัฒนธรรมและความเป็นอยู่ของชาวพื้นเมืองด้านการใช้ชีวิต การทำมาหากิน การทำอุปกรณ์เครื่องใช้ การนับถือศาสนา ฯลฯ นี่จึงเป็นการศึกษาด้านมานุษยวิทยาของชาวเกาะที่ Banks เป็นผู้ทำวิจัยเป็นคนแรก และเพื่อให้จุดประสงค์นี้บรรลุผล Banks ได้ลงทุนใช้ถ่านไม้ทาผิวจนดำไปทั้งตัว รวมถึงลงสักด้วย ซึ่งประเพณีการลงสักตามตัวที่ Banks ทำนี้ อาจเป็นจุดเริ่มต้นให้กะลาสีได้ทำกันเป็นประเพณีในเวลาต่อมา
หลังจากที่ได้สังเกตเห็นปรากฏการณ์ดาวศุกร์โคจรบดบังดวงอาทิตย์แล้ว เรือ Endeavour ได้เดินทางต่อไปถึึง New Zealand ซึ่ง Banks ได้ใช้เวลา 6 เดือนในการสำรวจเกาะนี้ จากนั้นได้เดินทางต่อไปถึงฝั่งตะวันออกของออสเตรเลีย แล้วแล่นเรือผ่านGreat Barrier Reef เพื่อเก็บสัตว์และพืชตัวอย่างเพิ่มเติม อนึ่งลูกเรือได้พบว่า ชาวพื้นเมือง Aborigine ในออสเตรเลีย มิได้เป็นมิตรที่ดีเท่าชาวเกาะ Tahiti
ขณะเรือเดินทางเข้าใกล้บริเวณที่เป็นที่ตั้งของเมือง Sydney ของออสเตรเลียในปัจจุบัน กัปตัน Cook ได้พบว่า ตัวเรือบางส่วนชำรุดจึงต้องแวะขึ้นฝั่ง เพื่อซ่อมเป็นเวลานาน 7 สัปดาห์ และ Banks ได้เห็นว่าบนฝั่งมีต้นไม้สายพันธุ์แปลก ๆ มากมายเหมือนเป็นสวนสวรรค์ Eden เขาจึงเรียกชื่ออ่าวนี้ว่า BotanyBay (อีกหลายปีต่อมา Banks เป็นคนที่เสนอแนะให้สถานที่นี้เป็นที่กักขังนักโทษที่ถูกส่งมาจากอังกฤษ นี่จึงเป็นสถานที่แรกที่คนชาวผิวขาวได้อพยพมาอาศัยในแปซิฟิก)
ขณะสำรวจ Botany Bay Banks ยังเป็นชาวยุโรปคนแรกที่ได้บันทึกเรื่องราวของจิงโจ้ด้วย
จากออสเตรเลียขบวนสำรวจได้เดินทางต่อไปถึง NewGuinea และชวาในอินโดนีเซีย แต่คนพื้นเมืองไม่เป็นมิตรBanks จึงเก็บรวบรวมสิ่งมีชีวิตตัวอย่างได้ไม่สะดวกนัก
ครั้นเมื่อเรือสำรวจของ Cook เดินทางกลับถึงอังกฤษในวันที่ 12 กรกฎาคม ค.ศ.1771 กะลาสีเรือทุกคนได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดียิ่ง และให้ความสำคัญกับ Banks ยิ่งกว่า Cook เสียอีก เพราะ Banks มีผลงานที่เป็นรูปธรรมชัดเจน เช่น เก็บพืชตัวอย่างได้กว่า 1,000 สายพันธุ์ใหม่ ปลาประมาณ 500 สายพันธุ์ใหม่ และนก 500 สายพันธุ์ใหม่ แมลงจำนวนนับไม่ถ้วนหอย ปะการัง หิน ผ้าพื้นเมือง ไม้แกะสลัก รวมถึงวัตถุประดับมากมาย ซึ่งแสดงการมีอารยธรรม และความรู้ด้านเทคโนโลยีของชาวแปซิฟิกเป็นอย่างดี
เมื่อมีชื่อเสียงโด่งดัง ใคร ๆ ก็อยากพบ แม้แต่กษัตริย์ George ที่ 3 ก็ทรงมีพระราชประสงค์ให้ Banks เข้าเฝ้าถวายรายงาน ในขณะที่มหาวิทยาลัย Oxford ที่ Banks เคยเรียนแต่เรียนไม่จบ ได้ประกาศมอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ให้ แม้จะมีคนชื่นชมมาก แต่ Banks ก็ถูกสื่อสารมวลชนกล่าวตำหนิเรื่องที่ได้ประพฤติสำส่อนกับชาวเกาะ
สวนพฤกษศาสตร์แห่งชาติ Kew Gardens กรุงลอนดอน
ที่มา : http://en.wikipedia.org/wiki/Royal_Botanic_Gardens,_Kew
ในวันที่ 13 พฤษภาคม ค.ศ.1772 เมื่อ Cook ออกเดินทางรอบโลกเป็นครั้งที่ 2 Banks ได้ตั้งใจจะเดินทางไปด้วยอีก และคิดจะนำสมัครพรรคพวกไปด้วย 15 คน (โดยมีนักดนตรีไปด้วย) จากเดิมที่จะไป 8 คน ดังนั้นเรือ Resolution ของ Cook จึงต้องเพิ่มจำนวนห้องพัก และได้พบว่าการดัดแปลงเรือจะทำให้เรือไม่ปลอดภัย Cook จึงขอให้ Banks ลดจำนวนผู้ติดตาม แต่ Banks ไม่ยอม จึงประกาศไม่ร่วมขบวน และจัดทีมสำรวจไปที่ Hebrides ในสก็อตแลนด์และไอซ์แลนด์แทน
แม้จะไม่ได้ไปสำรวจด้วยกันอีก แต่ Cook กับ Banks ก็ยังเป็นเพื่อนกัน เพราะ Cooks จะนำสิ่งมีชีวิตตัวอย่างที่น่าสนใจกลับมาฝาก Banks เสมอ และเมื่อ Cook เสียชีวิต Banks ได้เสนอให้สมาคม The Royal Society ทำเหรียญที่ระลึกในนามของ Cook
ชีวิตนักเดินทางของ Banks ได้สิ้นสุดลงตั้งแต่ Banks มีอายุยังไม่ถึง 30 ปี
ในปี 1776 Banks ได้ย้ายออกจากบ้านที่ถนน New Burlington ในลอนดอน เพื่อไปอยู่บ้านใหม่ที่ Soho Square และอีก 1 ปีต่อมา ก็ได้รับเลือกเป็นนายกของสมาคม The Royal Society (สืบต่อจาก Sir John Pringle) ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีอิทธิพลมากและ Banks ได้ดำรงตำแหน่งนี้นานถึง 42 ปี นี่จึงเป็นประจักษ์หลักฐานว่าสมาชิกของสมาคมทุกคนยอมรับในความสามารถของ Banks
เมื่ออายุ 36 ปี Banks ได้เข้าพิธีสมรสกับ Dorothea Hugesson ซึ่งมีอายุน้อยกว่าถึง 16 ปี และเข้าพักที่ Soho Square ซึ่งมีเนื้อที่ 80 ไร่ ในฐานะนายกของสมาคมวิชาการที่ทรงเกียรติ Banks ได้สนับสนุนให้สมาชิกหลายคนของสมาคมสร้างองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ใหม่ เช่น ให้ William Bligh เดินทางไปเกาะ Tahiti เพื่อนำต้นสาเกกลับอังกฤษ แล้วจะได้ส่งไปปลูกเป็นอาหารให้ทาสที่ West Indies สนับสนุน Muengo Park ไปสำรวจแอฟริกา ส่ง Matthew Flinders ไปออสเตรเลียร่วมกับ Robert Brown จัดส่งแกะพันธุ์ Merino ไป New South Wales ส่งชาไปปลูกในอินเดีย ส่ง George Vancouver ไปสำรวจฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปอเมริกาเหนือ สนับสนุน William Smith ทำแผนที่ธรณีวิทยาของเกาะอังกฤษเป็นครั้งแรก และในฐานะที่ปรึกษาแห่งราชสำนัก Banks ได้ทูลขอให้พระเจ้า George ที่ 3 ทรงจัดตั้ง Kew Gardens เป็นสวนพฤกษศาสตร์แห่งชาติ โดยให้เป็นที่รวบรวมพืชจากทุกหนแห่งของโลกมาเพื่อศึกษา อีกทั้งยังได้จัดตั้งสวนพฤกษศาสตร์ที่ Jamaica และที่ Ceylon ด้วย
ในบั้นปลายชีวิต Banks ล้มป่วยเป็นเกาต์ จนเดินทางไปไหนมาไหนไม่สะดวก ทำให้ต้องนั่งรถเข็นตลอดเวลา 15 ปีสุดท้ายของชีวิต แต่สมองและจิตใจยังปกติ จนถึงวันที่ 19 มิถุนายน 1820 Banks ก็ได้ลาจากโลกที่ Isleworth ใกล้กรุงลอนดอน และได้มอบหนังสือกับพืชตัวอย่างที่เก็บมาเป็นสมบัติส่วนตัวแก่ Robert Brown และหลังจากที่ Brown เสียชีวิต สมบัติทุกชิ้นของ Banks ได้ตกเป็นของ British Museum ทั้งนี้เพราะ Banks ไม่มีทายาทสืบสกุลนั่นเอง ณ วันนี้ ที่ Natural History Museum มีอนุสาวรีย์ของ Banksติดตั้งอยู่ที่ New Zealand มีแหลม Banks และที่แคนาดามีเกาะ Banks’s Island สำหรับชาวออสเตรเลีย แม้ Banks จะไม่ได้ไปเยือนออสเตรเลียอีกเลย แต่ทุกคนก็รู้ดีว่า Banks คือ บิดาคนหนึ่งของออสเตรเลีย ผู้เป็นทั้งนักวิทยาศาสตร์ นักบริหาร และนักการเมือง ผู้มีสายตายาวไกล มีความตั้งใจแน่วแน่ และถึงแม้ตนจะไม่มีเวลาทำงานชิ้นสำคัญก็ตาม แต่ก็รู้ว่าควรสนับสนุนผู้ใดให้ทำงานแทน และสามารถทำได้สำเร็จ
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของนิตยสาร สสวท. ปีที่ 42 ฉบับที่ 185 พฤศจิกายน - ธันวาคม 2556
ผู้อ่านสามารถติดตามบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่ https://emagazine.ipst.ac.th/
บรรณานุกรม
Carter, Harold B. (1988). Sir Joseph Banks (1743-1820). London: BritishMuseum (Natural History).
-
12842 Joseph Banks นักพฤกษศาสตร์ผู้ให้กำเนิดสวน Kew แห่งลอนดอน /index.php/article-science/item/12842-joseph-banks-kewเพิ่มในรายการโปรด
-
คำที่เกี่ยวข้อง