กัดเล็บนิ้วมือเล่น เป็นโรคทางจิตจำพวกหนึ่ง
หลายคนที่มีนิสัยชอบกัดเล็บนิ้วมือตัวเองเล่น รู้หรือไม่ว่าอาจเป็นโรคจิต ซึ่งจิตแพทย์สมาคมอเมริกันได้จัดให้อยู่ในกลุ่มอาการโรคจิต ประเภทย้ำคิดย้ำทำหรือโรควิตกกังวล แต่ถือว่าเป็นนิสัยที่ไม่เป็นภัยหรือเป็นอันตรายต่อผู้อื่น สำหรับผู้ที่ชอบมีนิสัยแบบนี้ถือว่าเป็นการทำร้ายตนเอง และทำตัวเองเจ็บปวดบ่อยๆ โดยไม่มีเหตุผลทั้งที่รู้ว่าเป็นเรื่องไร้สาระแต่ไม่สามารถห้ามได้ และยังมีความรู้สึกไม่สบายใจ วิตกกังวล จิตแพทย์สมาคมอเมริกันจึงระบุอาการชอบกัดเล็บนิ้วมือตัวเองไว้ในกลุ่มของโรคย้ำคิดย้ำทำ รวมถึงอาการอื่น ที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันด้วย เช่น การล้างมือบ่อยๆ หรือการชอบถอนผมเล่น
โดยส่วนใหญ่เราจะพบการกัดเล็บนิ้วมือรวมถึงนิ้วเท้าตัวเองในเด็กอายุ 7- 10 ขวบ ร้อยละ 28–33 , วัยรุ่น ร้อยละ 44 , วัยผู้ใหญ่ตอนต้น ร้อยละ 19–29 , วัยผู้ใหญ่ ร้อยละ 5 และพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง (ข้อมูลจากกรมสุขภาพจิต) นอกจากนิสัยชอบกัดเล็บตัวเองอาจถูกจัดอยู่ในกลุ่มของการเป็นโรคจิตแล้ว
ยังทำให้เสียบุคลิกและเสียสุขภาพด้วยนะค่ะ
การกัดเล็บ (Onychophagia or Nail Biting) หลายคนคิดว่าน่าจะหายไปในวัยเด็ก แต่ความจริงกลับพบว่ามีเด็กวัยรุ่นมากถึง 45 เปอร์เซ็นต์ติดนิสัยการกัดเล็บ ในขณะที่เด็กอายุ 7-10 ปี ติดการกัดเล็บ 30 เปอร์เซ็นต์ และพบว่าทั่วโลกมีคนกัดเล็บมากถึง 600 ล้านคน
คนที่ชอบกัดเล็บส่งผลเสียต่อบุคลิกภาพ หรืออาจก่อให้เกิดความทุกข์ใจมากยิ่งขึ้น การกัดเล็บเป็นการทดแทนปัญหา โดยการก่อปัญหาอย่างอื่นเข้ามาแทนที่เดิม หลายๆ ครั้งคนที่ชอบกัดเล็บจะใช้ "การกัดเล็บ" เป็นการลดความตึงเครียด ที่อาจจะเกิดจากครอบครัว คนรัก เพื่อนๆ งาน หรือปัญหาจากทางโรงเรียน
นอกจากนั้น 99 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่กัดเล็บ จะเกิดขึ้นจากปัญหาทางอารมณ์เล็กน้อย เช่น เครียด หิว หรือเบื่อ หรือเป็นเพียงแค่อุปนิสัยชอบกัดเล็บ และมีเพียง 1 เปอร์เซ็นต์ที่เป็นการแสดงถึงอาการที่เกิดจากปัญหาที่รบกวนจิตใจอย่างมาก
เด็กๆ ที่ชอบกัดเล็บอาจจะต้องเผชิญกับปัญหาเรื่องความกังวล หรือภาพลักษณ์ของตัวเอง การกัดเล็บเล่นๆ บ่อยๆ สามารถพัฒนาจนกลายเป็นนิสัยติดการกัดเล็บ และจะส่งผลต่อความสัมพันธ์กับเพื่อนๆ รอบตัว หรืออาจถูกเพื่อนๆ ในโรงเรียนล้อได้ หลายๆ คนพยายามไม่กัดเล็บต่อหน้าคนอื่นเวลาที่รู้ตัว แต่ขนาดของเล็บที่เล็กผิดปกติจากเพื่อนๆ ก็ทำให้รู้สึกอาย และต้องคอยเอามือซ่อนอยู่ในกระเป๋าไม่ให้เพื่อนๆ เห็น
นอกจากการกัดเล็็บจะสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาทางด้านจิตใจแล้ว การกัดเล็บยังทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ปากโดยตรง เช่น เชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย Staphylococcus ฯลฯ และบางรายอาจไม่เพียงกัดเล็บเท่านั้น แต่จะกัดลามไปถึงเยื่อบุเล็บและผิวหนังที่อยู่รอบๆ เล็บ ทำให้ติดเชื้อได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้เคลือบฟันสึกกร่อน ทำให้เกิดฟันผุได้ง่ายขึ้นด้วย
เพราะอะไรถึงชอบกัดเล็บ
การกัดเล็บ เป็นการแสดงออกถึงความเก็บกด มักเกิดจากความเครียดหรือความเศร้า บางคนกัดเล็บเพราะโดนคุณแม่ดุ พ่อกับแม่ทะเลาะกันต่อหน้าลูก ฯลฯ หรือเด็กบางคนกัดเล็บตอนที่คุณพ่อคุณแม่หย่าร้างกัน แต่เมื่อเด็กเริ่มปรับตัวได้ก็จะเลิกกัดเล็บไปเอง แต่บางคนก็ยังกัดอยู่เนื่องจากกัดบ่อยๆ จนกลายเป็นความเคยชินไปแล้ว ซึ่งตรงนี้เป็นเพียงการแสดงความรู้สึก
เคล็ดการเลิกกัดเล็บ 5 ประการ
1. ทำเล็บให้สวยปิ๊ง
สาวๆ ลองทำเล็บให้สวยปิ๊งดู โดยทำอย่างน้อยสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง สาวๆ อาจจะทำด้วยตัวเอง ทำการตัดแต่งส่วนที่บิ่นแตกเพราะโดนกัด จากนั้นทาสีเล็บของตัวเองแม้ว่าในช่วงแรกๆ อาจจะไม่สวยนักก็ตามเพราะเล็บอาจจะสั้นไปบ้าง เลือกสีให้สวย ใช้เวลาให้มากๆ ในการทำให้งามเลยเชียว หรือสาวๆ อาจจะไปที่ร้านเสริมสวยแล้วให้ช่างทำเล็บทำให้ (ต้องเลือกร้านที่สะอาดๆ นะคะ) ก็ได้ เลือกร้านดีๆ ทำสวยๆ แม้ว่าจะแพงหน่อยก็ตาม ซึ่งการไปที่ร้านทำเล็บนี้ สาวๆ อาจจะอยากให้ช่างทำการต่อเล็บให้ ซึ่งเป็นการดีเพราะเป็นการให้โอกาสเล็บจริงได้ยาวเพิ่มขึ้น การที่ได้จัดการทำเล็บของตัวเอง หรือจำต้องจ่ายเงินไปเพื่อทำให้เล็บสวยจะเป็นวิธีทางจิตวิทยาหนึ่งในการทำให้เราระวังตัวเราเองไม่ให้กัดเล็บ เพราะแน่นอนว่าเราไม่อยากทำลายสิ่งที่เราทำเอง (แหม ก็อุตส่าห์นั่งตัด นั่งแต่ง นั่งทาเล็บตัวเองเป็นนาน) หรือแม้แต่ที่ได้จ่ายเงินในการทำเล็บไปไงล่ะคะ
2. แก้(ด้วย)เผ็ด หรือขมสุดๆ
วิธีนี้เปรียบได้กับวิธีโบราณค่ะ สมัยก่อนเมื่อผู้ใหญ่เห็นเด็กๆ อมนิ้ว ก็จะนำของที่ขมๆ อย่างเช่นบอระเพ็ดมาทาที่เล็บหรือนิ้ว แต่สำหรับท่านที่โตแล้วก็คงไม่ต้องไปหาบอระเพ็ดนะคะเพราะว่าเดี๋ยวนี้เขาพัฒนาแล้ว สาวๆ สามารถหาครีมหรือน้ำมัน น้ำยา ทาเล็บที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันการกัดเล็บมาทาได้แล้วซึ่งมีทั้งรสเผ็ดหรือขม ทันทีที่สาวๆ เผลองับเล็บเข้าไป พบเจอกับรสขมหรือเผ็ดเข้า ก็จะหยุดการกัดนั้นทันที วิธีนี้น่าจะใช้การได้ยกเว้นว่าผู้ใช้ลืมทายาที่ทำให้เล็บเผ็ดหรือขมนั่นเอง
3. เบี่ยงเบนความสนใจ
แทนที่จะสนใจอยู่แต่กับการกัดเล็บ หรือ ไม่มีอะไรทำ เบื่อ กลัว ตื่นเต้น พอเผลอก็กัดงับเล็บตัวเองทันที แบบนี้ไม่ดีแน่ ให้ลองใช้ความคิดใช้พลังงานไปทำอย่างอื่นน่าจะดีกว่า บางคนอาจจะใช้มือหรือนิ้วทำอย่างอื่นอยู่ตลอดเวลาเพื่อให้มือไม่ว่างที่จะยกขึ้นมาเอาใส่ปาก บางคนอาจจะใช้ลูกบอลคลายเครียด (ลูกกลมๆ นิ่มมากๆ บีบได้เยอะๆ) ก็เอาใส่ไว้ในมือแล้วบีบเล่นไปเป็นการบริหารมือไปด้วยในตัวก็อาจจะช่วยได้ บางคนดีกว่านั้นคือหางานอดิเรกอะไรก็ได้ที่ทำให้มือไม่ว่างแล้วได้ประโยชน์ เช่นอาจจะถักไหมพรม วาดรูป เย็บถักปักร้อย ซึ่งสามารถทำได้ตลอดไม่ว่าจะกำลังดูทีวี นั่งบนรถเมล์ แค่นี้มือก็ไม่ว่างให้ยกมาใส่ปากได้นะคะ
4. ลองหาสาเหตุดูว่าทำไมถึงได้กัดเล็บ
จริงๆ แล้วจะมีเหตุผลเบื้องหลังเสมอในการที่ใครสักคนจะติดนิสัยการกัดเล็บ เช่นโดยปกติแล้วคนๆ หนึ่งไม่เคยกัดเล็บมาก่อนเลย แต่พอมาถึงวันหนึ่งคนนั้นก็เริ่มกัดเล็บ และกัดมาเรื่อยทุกวันที่ผ่านไปจนกลายเป็นนิสัย ต้นเหตุก็อยู่ที่ตอนครั้งแรกนั้นเองล่ะจึงได้เริ่มกัดเล็บ เช่นอาจจะเบื่อหน่ายอะไรบางอย่าง เครียด หรือตื่นเต้น ก็เป็นได้ บางคนอาจจะกัดเล็บเมื่อเข้าโรงเรียนเป็นวันแรก บางคนอาจจะกัดเล็บเมื่อไปเข้าค่ายกับเพื่อนๆ บางคนกัดเล็บเมื่อต้องเข้าเรียนวิชาว่ายน้ำเป็นครั้งแรก แล้วก็กัดเล็บเรื่อยมา ซึ่งในทางจิตวิทยาการกัดเล็บเป็นสิ่งที่ทำให้คลายความกังวลหรือความกลัวลง ถ้าเราสามารถรู้ได้ว่าเรากัดเล็บด้วยเหตุผลอะไร ก็น่าจะสามารถหาวิธีที่สร้างสรรค์กว่าที่จะหยุดการกัดเล็บ เช่นถ้ารู้ว่าการกัดเล็บเกิดจากความเบื่อ การจะกำจัดแหล่งความเบื่อคงทำได้ไม่ง่าย เพียงแต่เมื่อเรารู้สึกเบื่อ ก็คงจะต้องหาอย่างอื่นทำเช่นเดินไปดื่มน้ำ หรือเดินเล่น หรือถ้าการกัดเล็บเกิดจากความกลัวเช่นกลัวการโดยสารเครื่องบิน ก็อาจจะหาหนังสือหรือเพื่อนขึ้นไปนั่งเครื่องบินด้วย เมื่อความเบื่อหรือความกลัวต่างๆ หายไปได้ การกัดเล็บก็จะลดน้อยลงหรือหมดไปเอง
เป็นอย่างไรบ้างคะ วิธีการทั้งสี่อย่างนี้ ก็น่าจะเพียงพอที่จะสามารถกำจัดอาการกัดเล็บไปได้ แต่สำหรับบางคนที่เป็นนักกัดเล็บจริงๆ แล้ว และไม่ว่าจะทำวิธีต่างๆ ทั้งสี่อย่างข้างบนแล้วก็ยังไม่สำเร็จ ก็อาจจะต้องไปพบนักบำบัดเรื่องนี้โดยเฉพาะทีเดียว ซึ่งก็จะมีเทคนิคต่างๆ ในการจัดการ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างพฤติกรรมกลับด้าน หรือการใช้เทคนิคเพื่อทำให้ไม่รู้สึกเครียด หรือแม้แต่การนั่งสมาธิหรือการสะกดจิต ซึ่งอาจจะต้องได้มาจากการปรึกษาจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ (การปรึกษาจิตแพทย์ ไม่ได้หมายความว่าสติไม่ดีนะคะ ไม่เกี่ยวกันเลยในกรณีนี้) แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม อาการการกัดเล็บนี้จะสามารถแก้ไขได้เสมอหากมีวิธีการที่ถูกต้อง เพื่อให้สาวๆ (หรือแม้แต่หนุ่มๆ) ได้มีบุคคลิกภาพที่ดีค่ะ
ที่มา-
4411 กัดเล็บนิ้วมือเล่น เป็นโรคทางจิตจำพวกหนึ่ง /article-science/item/4411-2014-11-04-08-59-42เพิ่มในรายการโปรด