เป็นหวัดเจ็บคอ กินยาฆ่าเชื้อหรือยาแก้อักเสบ อย่างไหนกันแน่
เป็นไข้หวัด ต้องกินยาฆ่าเชื้อหรือยาแก้อักเสบ ใช้ยาอย่างไหนกันแน่ เป็นคำถามยอดฮิต ก่อนอื่นขอให้ทำความเข้าใจกับ อักเสบ มีความหมายตรงกับภาษาอังกฤษว่า Inflammation ซี่งเป็นภาวะที่ทำให้เกิดอาการปวด บวม แดงและรู้สึกร้อน ณ บริเวณที่มีการอักเสบเกิดขึ้น ภาวะอักเสบที่รู้จักกันดี ได้แก่ ข้ออักเสบ เอ็นอักเสบกล้ามเนื้ออักเสบ รวมทั้งอาการอักเสบที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุในการทำงานหรือเล่นกีฬา การใช้ยาเพื่อลดการอักเสบ ต้องใช้ยากลุ่มที่เรียกว่า“ยาแก้อักเสบ”หรือ “ANTI-INFLAMMATORY DRUG” หรือ“NSAIDs” (เอ็น-เซด ย่อมาจากคำว่า Non-Steroidal Anti-Inflammatory Drugs) โดยยาแก้อักเสบนี้ ยังนิยมใช้ลดอาการปวดที่เกิดจากสาเหตุอื่นๆ เช่น ปวดหัว ปวดประจำเดือน ปวดฟัน ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ รวมทั้งยังอาจใช้ลดไข้อีกด้วย ทำให้มียาประเภทนี้จำหน่ายและใช้กันอย่างแพร่หลายในประเทศไทย ทั้งที่เป็นยากิน ยาฉีด ยาใช้ภายนอกทั้งในรูปเจลหรือสเปรย์ โดยยาแต่ละตัวจะมีข้อบ่งใช้และวิธีการใช้ยาแตกต่างกันไป
สิ่งที่ควรคำนึงเสมอในการใช้ยากลุ่มนี้ คือ
- “ยาแก้อักเสบ” มักระคายเคืองทางเดินอาหาร ควรรับประทานยาหลังอาหารทันทีและดื่มน้ำตามมากๆ
- “ยาแก้อักเสบ” มักใช้เพื่อบรรเทาอาการเท่านั้น เมื่อหายจากอาการอักเสบและอาการปวดให้หยุดยาทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งชนิดที่เป็นยากิน เนื่องจากการใช้ยานานๆ นอกจากระคายเคืองทางเดินอาหารแล้ว อาจทำให้การหยุดไหลของเลือดผิดปกติ ความดันโลหิตสูง บวมน้ำและเกิดภาวะไตวายได้(ระยะเวลาในการใช้ยา ขึ้นกับข้อบ่งใช้และสภาวะโรคที่เป็น จากคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร)
“ยาแก้อักเสบ” ซึ่งมีใช้ในประเทศไทย ได้แก่
แล้วอาการไข้หวัด ภาษาอังกฤษเรียกว่า Common cold ถ้าศัพท์วิชาการเรียกว่า Acute nasopharyngitis 90% เกิดจากเชื้อไวรัส การรักษาคือจะรักษาตามอาการ
- มีไข้ปวดหัว ให้ยาลดไข้แก้ปวด ก็คือพารา
- มีเสมหะ จะให้ยาช่วยขับเสมหะ เพราะถ้ายังเสมหะตกข้างมาก มันจะทำให้ไอเรื่อยๆ
- มีน้ำมูกหรือคัดจมูกก็จะให้ยาลดน้ำมูก ซึ่งก็คือกลุ่มยาแก้แพ้ มีทั้งแบบง่วงและไม่ง่วง โดยที่แบบไม่ง่วงจะมีราคาแพงกว่า
- อาการเจ็บคอ ดื่มน้ำอุ่นมากๆ อาจจะผสมน้ำผึ้งหรือน้ำมะนาวเพื่อให้ชุ่มคอ
- สำคัญที่สุดคือพักผ่อนให้เพียงพอ อย่าหักโหมงาน ได้ยาครบแต่ไม่พักผ่อนก็ไม่หายครับ
- ในรายที่ไข้สูงมากๆ คุณหมอบางท่านอาจจะพิจารณาใช้ยา NSAIDsเพื่อลดไข้ให้ แต่ไม่ได้ให้ทุกคน เนื่องจากผลข้างเคียงและอัตราการแพ้ยา
จะเห็นว่ายาฆ่าเชื้อไม่ใช่เป็นยาหลักๆในการรักษาไข้หวัดเลย (เวลาที่เราพูดถึงยาฆ่าเชื้อเราจะหมายถึงยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียซะส่วนใหญ่ครับ) เพราะ 90% เกิดจากเชื้อไวรัส ยาฆ่าเชื้อ ฆ่าไวรัสไม่ได้ กินไปเสียฟรี ดีไม่ดีแพ้ยาอีก เพราะฉะนั้นใครที่ยังมีความคิดว่า "เป็นหวัดต้องได้ยาฆ่าเชื้อ" คิดใหม่นะครับ
แล้วมันมีไหมที่เป็นหวัดแล้วต้องกินยาฆ่าเชื้อ?
มีแต่เป็นส่วนน้อย คือ
- กรณีคออักเสบมากแดงมาก หรือทอนซิลอักเสบมากจนเป็นหนอง
- คุณหมอตรวจดูแนวโน้มว่าน่าจะเกิดแบคทีเรียติดเชื้อแทรกซ้อนขึ้นมา และให้ยาฆ่าเชื้อรักษาไปเลย แต่ยังไงก็ตาม แบคทีเรีย ยังคงเป็นส่วนน้อยอยู่ดีที่เป็นสาเหตุของไข้หวัด
ทำให้หลายคนเข้าใจผิดและไปที่ร้านยาเพื่อขอซื้อยาแก้อักเสบมาใช้สำหรับอาการเจ็บคอซึ่งมีสาเหตุจากการติดเชื้อ โดยที่ไม่ทราบว่าแท้จริงแล้ว โรคติดเชื้อต้องรักษาด้วย “ยาฆ่าเชื้อ” หรือ “ANTI-BIOTIC” ซึ่งมีผลช่วยทำลายเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อนั้น ทำให้นอกจากยาจะไม่ช่วยให้อาการเจ็บคอหายเร็วขึ้นแล้ว ยังอาจทำให้ผู้ใช้ยาเกิดอาการไม่พึงประสงค์จากยาแก้อักเสบอีกด้วย ดังนั้น ก่อนซื้อยามาใช้ทุกครั้ง ควรแจ้งถึงสาเหตุที่ต้องใช้ยากับเภสัชกรให้ชัดเจนก่อนเสมอหรือไปพบแพทย์จะดีกว่านะคะ
เอกสารอ้างอิง
MIMS Thailand. 124th ed. Bangkok: UBM Medica; 2011.
http://www.pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article/126/%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%9A/
http://knowdocth.blogspot.com/p/blog-page_4865.htmlขอบคุณภาพประกอบจากอินเทอร์เนต
-
4774 เป็นหวัดเจ็บคอ กินยาฆ่าเชื้อหรือยาแก้อักเสบ อย่างไหนกันแน่ /article-science/item/4774-2015-09-16-09-32-05เพิ่มในรายการโปรด