Table of Contents Table of Contents
Previous Page  19 / 283 Next Page
Information
Show Menu
Previous Page 19 / 283 Next Page
Page Background

กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์

ระดับประถมศึกษา

9

การสืบเสาะหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์มีลักษณะเฉพาะที่ทำ�ให้

วิทยาศาสตร์แตกต่างจากศาสตร์อื่นๆ ดังนี้

วิทยาศาสตร์ต้องการหลักฐาน (Evidence)

การสร้างคำ�อธิบายหรือแนวคิดทางวิทยาศาสตร์จำ�เป็นต้องมีหลักฐานเชิงประจักษ์

(Empirical Evidence) จากการสังเกต ทดลอง สร้างแบบจำ�ลอง หรือวิธีอื่นๆ เพื่อ

ให้มั่นใจว่าสามารถทำ�ซ้ำ�ได้ และมีความถูกต้อง แนวคิดทางวิทยาศาสตร์ใดที่ได้รับ

การยอมรับจากกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ในสังคม ก็จะได้รับการยอมรับและเผยแพร่ให้

คนทั่วไปในสังคมได้เรียนรู้ ซึ่งกระบวนการทั้งหมดตั้งแต่การค้นพบจนกระทั่งเป็น

ที่ยอมรับของกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ในสังคมอาจต้องใช้เวลานาน เช่น แม้ว่าไอสไตน์

ค้นพบทฤษฎีสัมพัทธภาพตั้งแต่ปี ค.ศ. ๑๙๐๕ แต่กว่าทฤษฎีนี้จะได้รับการยอมรับ

จากสังคมนักวิทยาศาสตร์ต้องใช้เวลาถึง ๑๔ ปี

วิทยาศาสตร์มีการผสมผสานระหว่างตรรกศาสตร์ (Logic)

จินตนาการ (Imagination) และการคิดสร้างสรรค์ (Creativity)

การทำ�ความเข้าใจปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบนโลกจะต้องใช้ความเป็นเหตุ

เป็นผล (Logic) เพื่อเชื่อมโยงหลักฐานเชิงประจักษ์เข้ากับข้อมูลอื่นๆ เช่น แนวคิด

ทางวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง ข้อมูลหลักฐานทุติยภูมิ (Secondary Data Source)

ที่ได้จากการสืบค้นเพื่อสร้างคำ�อธิบาย และลงข้อสรุป หลายครั้งที่การสืบเสาะ

หาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ยังต้องใช้จินตนาการและการคิดสร้างสรรค์

วิทยาศาสตร์ให้คำ�อธิบายและการพยากรณ์

นักวิทยาศาสตร์พยายามอธิบายปรากฏการณ์ที่สังเกตโดยใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์

ที่เป็นที่ยอมรับ ความน่าเชื่อถือของคำ�อธิบายทางวิทยาศาสตร์มาจากความสามารถ

ในการแสดงความสัมพันธ์ระหว่างหลักฐานและปรากฏการณ์ที่ไม่เคยค้นพบมาก่อน

นอกจากวิทยาศาสตร์จะให้คำ�อธิบายเกี่ยวกับปรากฏการณ์ต่างๆ แล้ว วิทยาศาสตร์

ยังให้ความสำ�คัญกับการทำ�นายซึ่งอาจเป็นได้ทั้งการพยากรณ์ปรากฏการณ์ หรือ

เหตุการณ์ในอนาคต หรือในอดีตที่ยังไม่มีการค้นพบหรือศึกษามาก่อน

นักวิทยาศาสตร์พยายามที่จะระบุและหลีกเลี่ยงความลำ�เอียง

ข้อมูลหลักฐานมีความสำ�คัญอย่างมากในการนำ�เสนอแนวคิดทางวิทยาศาสตร์

นักวิทยาศาสตร์จะถามตัวเองก่อนเสมอว่ามีหลักฐานอะไรบ้างที่สนับสนุนแนวคิดนี้

การรวบรวมหลักฐานทางวิทยาศาสตร์จึงจำ�เป็นต้องมีความถูกต้องแม่นยำ� ปราศจาก

ความลำ�เอียงอันเกิดจากตัวผู้สังเกต กลุ่มตัวอย่าง เครื่องมือและวิธีการที่ใช้

การตีความหมาย หรือการรายงานข้อมูล

วิทยาศาสตร์ไม่ยอมรับการมีอำ�นาจเหนือบุคคลอื่น

วิทยาศาสตร์เชื่อว่าบุคคลใดหรือนักวิทยาศาสตร์คนใด มีชื่อเสียงหรือตำ�แหน่งหน้าที่

การงานสูงอย่างไร ก็ไม่มีอำ�นาจตัดสินว่า อะไรคือความจริง ไม่มีใครมีสิทธิพิเศษใน

การเข้าถึงความจริงมากกว่าคนอื่น ๆ เพราะความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่ถูกค้นพบ

ต้องมีหลักฐานเชิงประจักษ์ สามารถตรวจสอบได้ และหากแนวคิดใหม่นั้นถูกต้อง

กว่าแนวคิดเดิม ก็ย่อมได้รับการยอมรับแม้ว่าจะถูกค้นพบโดยผู้ไม่มีชื่อเสียง ซึ่งต้อง

มาแทนที่ความรู้เดิมที่ค้นพบโดยคนมีชื่อเสียงก็ได้