“ช็อกโกแลตซีสต์” โรคที่ผู้หญิงไม่ควรมองข้าม
เมื่อเอ่ยคำว่า ช็อกโกแลตซีสต์ (Chocolate Cyst) ผู้หญิงหลาย ๆ คนคงจะรู้จักโรคนี้ดี แต่ก็คงจะมีอีกหลาย ๆ ยังไม่รู้จัก ไม่เคยได้ยิน ฟังชื่อแปลกดีคงจะเป็นโรคที่ดูไม่น่าจะมีพิษสงหรือมีความรุนแรงอะไร แต่ถ้าใครเป็นโรคนี้แล้วก็คงจะรู้ถึงความร้ายกาจของโรคนี้ดี และสร้างความทรมานให้กับสาว ๆ ที่เป็นโรคนี้ไม่น้อย ช็อกโกแลตซีสต์ เป็นคำเรียกชื่อโรคที่สูตินรีแพทย์ มักใช้พูดกับคนไข้ที่เป็นโรคนี้ซึ่งทางการแพทย์เรียกว่า โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) ซึ่งหมายถึง โรคที่มีภาวะการณ์เจริญเติบโตของเซลล์เยื่อบุโพรงมดลูกขึ้นผิดที่ รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ วิสันต์ เสรีภาพงศ์ ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้กล่าวว่า ช็อกโกแลตซีสต์ บางคนเรียกว่าถุงน้ำช็อกโกแลต ที่เรียกอย่างนี้เพราะว่าของเหลวที่อยู่ข้างใน ซีสต์ (Cyst) หรือถุงน้ำ เป็นเลือดเก่า ที่มีสีเหมือนกับช็อกโกแลตข้น ๆ ซึ่งเกิดจากเลือดประจำเดือนไหลย้อนกลับเข้าไปในช่องท้องแล้วไปฝังตัวอยู่ตามที่ต่าง ๆ กลายเป็น เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ ซึ่งอาจเป็นเพราะร่างกายมีปัจจัยบางอย่างผิดปกติ ทั้ง ๆที่ควรจะลอกออกมาเป็นเลือดประจำเดือนตามปกติ
ในผู้หญิงทั่วไปถ้าเป็นกลุ่มที่มีลูกยากอาจพบถึง 50 % วัยที่พบส่วนใหญ่เป็นวัยเจริญพันธุ์ และพบผู้หญิงที่เป็นโรคนี้มากอยู่ในช่วงอายุระหว่าง 30 – 40 ปี ช็อกโกแลตซีสต์ที่พบมักมีขนาด 4 – 5 เซ็นติเมตร บางทีขนาดใหญ่มากและส่วนใหญ่คนไข้มาพบแพทย์เพราะมีอาการปวดประจำเดือนมาก
จากเวบไซท์ http://www.dailynews.co.th/article/1490/172534 นายแพทย์ ศรีเชียร เลิศวิกูล ภาควิชา สูติศาสตร์ – นรีเวชวิทยา คณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้กล่าวว่า โดยปกติแล้วเซลล์เยื่อบุโพรงมดลูกจะเจริญเติบโตในโพรงมดลูก แต่ถ้ามีการเจริญของเยื่อบุโพรงมดลูกผิดที่ จะทำให้เกิดอาการผิดปกติ ที่แบ่งได้ 2 ชนิด คือ
1. ที่พบภายนอกมดลูกเป็นชนิดที่พบได้บ่อย ส่วนใหญ่มักพบบริเวณอุ้งเชิงกราน ได้แก่ รังไข่ ท่อนำไข่ เยื่อบุช่องท้อง รวมถึงอวัยวะใกล้เคียง เช่น กระเพาะปัสสาวะ ลำไส้ใหญ่
2. ที่พบได้ในกล้ามเนื้อมดลูก เกิดจากเซลล์เยื่อบุโพรงมดลูกไปเจริญแทรกอยู่ในกล้ามเนื้อมดลูก ทำให้มีอาการปวดประจำเดือน และตรวจพบว่ามดลูกมีขนาดโตขึ้น โดยทั่วไปแล้ว โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ จะหมายถึง ชนิดที่พบภายนอกมดลูก
โรคนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร
สำหรับการเกิดโรค ช็อกโกแลตซีสต์ หรือ ที่เรียกกันว่า ถุงน้ำช็อกโกแลต นั้นเชื่อกันว่า เกิดจากการที่เลือดประจำเดือนมีการไหลย้อนกลับเข้าไปในอุ้งเชิงกราน ผ่านทางท่อนำไข่ ซึ่งโดยปกติแล้วเวลามีประจำเดือน นอกจากเลือดประจำเดือนจะไหลออกมาทางช่องคลอดแล้ว จะมีเลือดบางส่วนไหลผ่านท่อนำไข่เข้าไปในอุ้งเชิงกราน โดยเลือดประจำเดือนนี้จะมีเซลล์เยื่อบุโพรงมดลูกอยู่ โดยปกติแล้วร่างกายของคนเราจะมีกลไกในการกำจัดเซลล์เยื่อบุโพรงมดลูกเหล่านี้ แต่ในผู้หญิงบางคนมีความผิดปกติของกลไกในการกำจัดเซลล์เหล่านี้ ทำให้เซลล์เยื่อบุโพรงมดลูกที่หลุดออกมานั้น ไปฝังตัวตามจุดต่าง ๆ ในอุ้งเชิงกราน รวมถึงรังไข่ และเจริญเติบโตจนทำให้เกิดถุงน้ำขึ้น เวลาที่มีประจำเดือนเซลล์ของเยื่อบุโพรงมดลูกที่อยู่ในถุงน้ำก็จะมีเลือดที่ออกมาเข้าไปอยู่ในถุงน้ำนั้นด้วย เมื่อเวลาผ่านไป น้ำซึ่งเป็นส่วนประกอบในถุงนั้นจะถูกดูดซึมกลับ ทำให้เลือดในถุงมีลักษณะเข้มขึ้น และเมื่อค้างอยู่นาน ๆ ก็จะกลายเป็นสีน้ำตาลมีลักษณะคล้ายกับช็อกโกแลต เราจึงเรียกว่า ถุงน้ำช็อกโกแลต หรือ ช็อกโกแลตซีสต์ และนั่นคือแต่ละเดือนที่ผ่านไป ถุงน้ำก็จะมีเลือดเพิ่มขึ้นและขยายขนาดใหญ่ขึ้น แต่จะขยายขนาดเร็วมากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของคนนั้น ๆ ว่าจะดูดน้ำกลับได้เร็วแค่ไหน ถ้าร่างกายดูดน้ำกลับได้เร็วถุงน้ำนั้นก็จะโตขึ้นช้า ๆ
อาการสำคัญที่พบบ่อย ๆ ของโรคช็อกโกแลตซีสต์
เมื่อเริ่มมีอาการปวดประจำเดือน อาการปวดจะเป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่น เดิมอาการปวดประจำเดือนจะไม่มากพอทนได้ แต่ต่อมาอาการปวดประจำเดือนจะมากขึ้นเรื่อยจนต้องกินยาแก้ปวดที่มีฤทธิ์แรงขึ้น มีอาการปวดจนต้องหยุดเรียน หยุดงาน หรือมีอาการปวดจนรบกวนชีวิตประจำวัน ทำให้ต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการปวด ส่งผลให้คุณภาพชีวิตแย่ลง บางคนปวดจนต้องไปพบหมอที่โรงพยาบาล บางคนเกิดการแตกของถุงน้ำ จะทำให้เกิดอาการปวดแบบเฉียบพลันจนต้องเข้ารับการรักษาโดยการผ่าตัดแบบฉุกเฉิน และนอกจากนั้นโรคนี้ยังทำให้เกิดปัญหาการมีบุตรยาก บางรายเป็นมากจนทำให้เกิดการอุดตันของท่อนำไข่ ซึ่งอาจจะมีความจำเป็นต้องรักษาโดยการผ่าตัด อาการดังกล่าวมานี้น่าจะบ่งชี้ได้ว่าจะเป็นโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หรือเป็นโรคช็อกโกแลตซีสต์
การรักษาโรคช็อกโกแลตซีสต์
นายแพทย์ ศรีวิเชียร เลิศวิกูล ได้กล่าวว่า การรักษาแพทย์จะคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ของผู้ป่วย เช่น อาการของผู้ป่วย อายุ ความต้องการมีบุตร ความรุนแรงของโรค ซึ่งการรักษาโรคนี้ โดยทั่วไป มี 3 วิธี คือ
1. การใช้ยา มีทั้งการใช้ยาในกลุ่มที่มีฮอร์โมน และ กลุ่มที่ไม่มีฮอร์โมน เพื่อควบคุมฮอร์โมนในร่างกายไม่ให้อยู่ในระดับสูงเกินไป ซึ่งจะทำให้มีปะจำเดือนน้อยลง ลดการไหลย้อนกลับของประจำเดือน
2. การผ่าตัด มีทั้งวิธีผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง หรือวิธีผ่าตัดแบบส่องกล้อง ซึ่งวิธีผ่าตัดแบบส่องกล้องจะมีข้อดีคือ แผลเล็ก ปวดแผลน้อย ใช้เวลานอนรักษาในโรงพยาบาลสั้นกว่าการผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง แต่วิธีผ่าตัดแบบส่องกล้อง มีค่าใช้จ่ายสูง และต้องอาศัยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะจริง ๆ
3. การรักษาร่วม เป็นการรักษาโดยใช้ยา ร่วมกับการผ่าตัด ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ใช้ดุลยพินิจของการใช้วิธีการรักษา แพทย์จะเลือกตามความเหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย
ข้อแนะนำเพิ่มเติม ในกรณีที่เรามีอาการปวดประจำเดือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาการปวดนั้นรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ หรือมีอาการอื่น ๆ ดังที่กล่าวมาแล้ว ควรจะต้องรีบไปปรึกษากับสูตินรีแพทย์ที่คลีนิกหรือที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน แต่เนิน ๆ ก่อนที่โรคจะลุกลามกว่าเดิม
........................
เว็บไซต์ข้อมูลอ้างอิง
1. ช็อกโกแลต ซีสต์ โรคที่สาว ๆ ทุกคนมีสิทธิ์เป็น เข้าถึงได้จาก http://health.kapook.com/view43206.html สืบค้น 24/09/2556
2. ไขข้อข้องใจกับโรคช็อกโกแลตซีสต์ - หมอรามาฯไขปัญหาสุขภาพ เข้าถึงได้จาก http:// www.dailynews.co.th/article/1490/11888 สืบค้น 24/09/2556
3. ช็อกโกแลตซีสต์ โรคที่ผู้หญิงควรรู้ X – RAY เข้าถึงได้จาก http://www.dailynews.co.th/ article/1490/172534 สืบค้น 25/09/2556
4. พิษ....ช็อกโกแลตซีสต์ เข้าถึงได้จาก http://samitvejhospital.com/healtharticle_detail/พิษช็อกโกแลตซีสต์_654/th สืบค้น 26/09/2556
5. ช็อกโกแลตซีสต์กับการตั้งครรภ์ เข้าถึงได้จาก http://www.pregnancysquare.com/momlife/teen_pregnancy/21
-
4406 “ช็อกโกแลตซีสต์” โรคที่ผู้หญิงไม่ควรมองข้าม /index.php/article-science/item/4406-2014-10-24-03-31-22เพิ่มในรายการโปรด