6 สิ่งสกปรกที่จำเป็นต้องสัมผัส
การล้างมือให้สะอาดก่อนรับประทานอาหาร หยิบจับ หรือทำสิ่งอื่นใดที่ต้องมีความสะอาดและถูกสุขอนามัยเป็นพื้นฐาน เป็นสิ่งที่พ่อแม่ผู้ปกครองหรือครูอาจารย์มักจะปลูกฝังให้เด็ก ๆ ตระหนักอยู่เสมอ ด้วยการล้างมือนั้นเป็นวิธีการขั้นแรกในการปกป้องตัวเราจากปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นจากเชื้อโรครอบตัว รวมทั้งยังป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคจากตัวเราสู่ผู้อื่น
แม้ว่าการพยายามหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสิ่งสกปรกจะเป็นเรื่องยาก เพราะหลายสิ่งรอบตัวที่เราจำเป็นต้องจับ มีบทบาทที่สำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งในชีวิตประจำวัน
ภาพที่ 1 มือสกปรก
ที่มา StockSnap/Pixabay
ฟองน้ำล้างจาน
จากบทความก่อนหน้า “ฟองน้ำล้างจาน สิ่งสกปรกที่สุดในบ้าน” แสดงให้เห็นว่า ฟองน้ำล้างจานที่คุณแม่บ้านทั้งหลายต้องใช้เพื่อทำความสะอาดจานชาม และเครื่องครัวต่าง ๆ นั้นเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยชั้นดีของแบคทีเรีย เนื่องด้วยมีการสัมผัสกับเศษอาหาร เปียกชื้น และมีอุณหภูมิที่เหมาะสำหรับการเป็นพื้นที่ในการขยายพันธุ์ที่ดีของแบคทีเรียจำนวนมาก
หนึ่งในการศึกษาของสมาคมสุขาภิบาลแห่งชาติ (National Sanitation Foundation) พบว่า มากกว่าร้อยละ 75 ของฟองน้ำล้างจานปนเปื้อนไปด้วยแบคทีเรียโคลิฟอร์ม ซึ่งเป็นแบคทีเรียในกลุ่มเดียวกับแบคทีเรียที่มีการปนเปื้อนในอุจจาระอย่าง สกุลซัลโมเนลลา (Salmonella) และ เอสเชอริเชีย โคไล (E. coli.)
ดังนั้นจึงควรล้างมือทุกครั้งหลังทำความสะอาดเครื่องครัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว และทำความสะอาดฟองน้ำล้างจานอยู่เสมอ หรือเปลี่ยนฟองน้ำล้างจานเป็นประจำเพื่อลดปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นได้จากเชื้อแบคทีเรียก่อโรคต่างๆ
ผ้าเช็ดจาน
ทันทีที่การล้างจานของคุณเสร็จสิ้นลงและล้างมือเรียบร้อยแล้วตามคำแนะนำข้างต้น แต่กลับเผลอเอื้อมมือคว้าผ้าเช็ดจานที่วางอยู่บนอ่างล้างจานมาเช็ดมือนั้นถือเป็นการจบเกมทันที เพราะผ้าเช็ดจานเป็นคู่แข่งที่ตีคู่มากับฟองน้ำล้างจานเลยก็ว่าได้ ด้วยอุณหภูมิที่เหมาะสม และความเปียกชื้น เป็นคุณลักษณะเช่นเดียวกับฟองน้ำล้างจานที่เหมาะสำหรับการอยู่อาศัยของแบคทีเรียหนึ่งในงานวิจัยพบ เอสเชอริเชีย โคไล (E. coli.) มากกว่าร้อยละ 25 บนผ้าเช็ดจาน ดังนั้นทำความสะอาดผ้าเช็ดจานอย่างน้อยหลังจากการใช้งาน 2 วัน
เตียงนอน
เมื่อทราบว่าห้องครัวเป็นพื้นที่ที่สกปรก และทำให้โรคกลัวเชื้อของคุณกำเริบ การเลือกที่จะนอนฝังตัวลงบนเตียงนอนของคุณก็เป็นเรื่องที่ต้องตระหนักเช่นกัน เมื่อไรที่ซักผ้าปูที่นอนและผ้าห่มครั้งสุดท้าย?
เตียงนอนมีคุณลักษณะหลายประการเช่นเดียวกันสิ่งที่แบคทีเรียชื่นชอบ เนื่องจากเหงื่อที่ถูกขับออกมา ทำให้ผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนเปียกชื้น และอุ่นพอที่จะเป็นพื้นที่ที่ดีต่อการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและเชื้อรา รวมทั้งเซลล์ผิวหนังที่ผลัดเซลล์ใหม่ทุกวันที่ลอกหลุดบน ที่นอนก็เป็นอาหารชั้นดีของเชื้อก่อโรคดังกล่าวอีกด้วย
ราวจับรถเข็นในห้างสรรพสินค้า
ภาพที่ 2 รถเข็นช๊อปปิ้ง
ที่มา Alexas_Fotos/Pixabay
รถเข็นช็อปปิ้งเป็นอุปกรณ์จำเป็นสำหรับช่วยอำนวยความสะดวกในการเลือกซื้อสินค้า วางเด็ก ๆ และเป็นที่ที่เหมาะสำหรับเชื้อโรค แน่นอนอยู่แล้วว่า ผู้คนที่เดินจับจ่ายซื้อของในห้างสรรพสินค้า หรือซุปเปอร์มาร์เก็ตต่าง ๆ ต่างก็ไม่ได้มีมือให้สะอาดหมดจดเพื่อมาจับราวรถเข็นและเดินเลือกซื้อสิ่งของที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน ทั้งยังต้องถือถุงพลาสติกที่เต็มไปด้วยถาดเนื้อสด ของสดต่าง ๆ ที่ใช้ในการปรุงอาหาร รวมทั้งสิ่งอื่น ๆ ที่ไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า พฤติกรรมเหล่านี้สามารถถ่ายโอนแบคทีเรียจากมือไปยังรถเข็น และจากรถเข็นมาสู่ตัวเราและผู้คนอื่น ๆ ได้
หนึ่งในการสำรวจเล็ก ๆ พบแบคทีเรียจำพวก เอสเชอริเชีย โคไล (E. coli.) มากกว่าครึ่งบนราวจับของรถเข็น ซึ่งพ่อแม่และผู้ปกครองที่ชอบพาบุตรหลานไปห้างสรรพสินค้าและให้เด็กเล็ก ๆ นั่งบนรถเข็นใส่สินค้าควรตระหนักไว้ว่า การกระทำดังกล่าวสามารถทำให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษในเด็กได้
ลูกบิดประตู
ลูกบิดประตูคงจะเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดในบรรดาสิ่งที่ต้องสัมผัสอยู่เป็นประจำทุกวัน ซึ่งก็เป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อแบคทีเรียที่ดีเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไม่ได้มีการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้ในหลายงานวิจัยพบเชื้อแบคทีเรียจำนวนมากบนลูกบิดประตู รวมทั้งยังพบว่า ลูกบิดประตูเป็นตัวกลางในการแพร่กระจายของเชื้อโรคที่ดีอีกด้วย
ที่ใส่แปรงสีฟัน
ภาพที่ 3 แปรงสีฟันในห้องน้ำ
ที่มา PublicDomainPictures/Pixabay
แปรงสีฟันที่ใส่เข้าไปในปากเพื่อทำความสะอาดช่องปากและฟัน และวางมันกลับเข้าไปในที่เก็บแปรงสีฟันทั้งที่ยังเปียก ในขณะเดียวกัน อากาศในห้องน้ำก็เต็มไปด้วยความชื้น รวมทั้งที่เก็บแปรงสีฟันขนาดเล็กที่ไม่ได้อยู่ในระบบปิดมากนักก็เหมาะอย่างยิ่งที่แบคทีเรียโดยรอบจะพากันมาสิงสถิตอยู่
หนึ่งในการสำรวจพบเชื้อแบคทีเรียในกลุ่ม สกุลสแตฟฟิโลคอคคัส (Staphylococcus ) ร้อยละ 14 ในที่เก็บแปรงสีฟัน และยังพบยีสต์และเชื้อราอีกร้อยละ 64 ดังนั้นการล้างภาชนะเหล่านี้จึงเป็นสิ่งที่ควรปฏิบัติเช่นเดียวกับการทำความสะอาดช่องปากและร่างกายของตัวเอง
เห็นได้ชัดเจนว่า แหล่งของเชื้อก่อโรคมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง สำหรับรายการข้างต้นเป็นเพียงบางส่วนของสิ่งสกปรกที่เราสัมผัสกันในชีวิตประจำวันเท่านั้น อย่างไรก็ดีเราทุกคนไม่ได้ป่วยทุกครั้งที่สัมผัสหรือจับต้องสิ่งเหล่านี้ ขึ้นอยู่กับแบคทีเรียหรือไวรัสบางชนิดที่มีบทบาทสำคัญในร่างกายมากกว่าภูมิคุ้มกัน และก็ยังมีวิธีในการป้องกันเชื้อโรคต่าง ๆ อีกมากมายที่ช่วยป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค การล้างมือที่ถูกวิธีเป็นสุขอนามัยที่ดีก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สำคัญ และสามารถปฏิบัติได้ในชีวิตประจำวันอย่างไม่ต้องพึ่งพาอุปกรณ์อื่นใด ดังนั้นการดูแลสุขลักษณะของตนเองให้เรียบร้อยเป็นทางเลือกที่ดีที่ช่วนป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคทั้งทางตรงและทางอ้อม
แหล่งที่มา
Kevin Loria. (2017, 13 July), 7 of the filthiest things you touch all the time.
Retrieved October 20, 2017,
from http://www.businessinsider.com/dirtiest-objects-in-your-home-and-office-2017-7/#your-smartphone-1
KEVIN LORIA. (2017, 7 September), Here Are 6 of The Filthiest Things You Touch All The Time.
Retrieved October 20, 2017,
from https://www.sciencealert.com/here-are-7-of-the-filthiest-things-you-touch-all-the-time
-
7797 6 สิ่งสกปรกที่จำเป็นต้องสัมผัส /article-biology/item/7797-6เพิ่มในรายการโปรด