เฉลยคำ�ถามท้ายกิจกรรม
วัคซีนป้องกันโรคใดที่นักเรียนส่วนใหญ่จะได้รับเหมือนกัน
วัณโรค ไวรัสตับอักเสบบี หัดเยอรมัน คางทูม (ให้อ้างอิงจากตาราง 16.1 ในหนังสือเรียน)
การได้รับวัคซีนสามารถได้รับโดยวิธีใดบ้าง
การฉีด การรับประทาน การพ่นทางช่องจมูก
หากได้รับวัคซีนป้องกันโรคใดโรคหนึ่งแล้ว ยังมีโอกาสเป็นโรคนั้นอีกหรือไม่ เพราะเหตุใด
ยังมีโอกาสเป็นหรือไม่เป็นก็ได้ โดยในกรณีที่ป่วยเป็นโรคนั้นแต่ร่างกายยังมีภูมิคุ้มกันที่ได้
จากการฉีดวัคซีนป้องกันโรคนั้นอยู่อาการป่วยอาจจะไม่รุนแรงเหมือนคนที่ไม่ได้รับการ
ฉีดวัคซีนป้องกันโรคนั้น
เหตุใดจึงควรฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไข้หวัดใหญ่ทุกๆ ปี
เพราะในแต่ละปีมีการแพร่ระบาดของสายพันธุ์เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่แตกต่างกันไป และ
วัคซีนที่ผลิตออกมานั้นไม่สามารถป้องกันได้ครอบคลุมทุกสายพันธุ์
กิจกรรมนี้นักเรียนจะเห็นความสำ�คัญของการฉีดวัคซีนซึ่งช่วยป้องกันโรคบางโรคได้ โดย
ประชากรไทยทุกคนสามารถขอรับบริการฉีดวัคซีนที่มีความจำ�เป็นพื้นฐานที่หน่วยงานภาครัฐจัดให้
โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุประมาณ 11-12 ปี
ครูให้นักเรียนศึกษารูป 16.11 แล้วใช้คำ�ถามในหนังสือเรียน ให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิด
เห็น ดังนี้
การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันในรูป 16.11 ก. และ ข. เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร
ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการแสดงความคิดเห็นว่าการสร้างภูมิคุ้มกันในรูป 16.11
แตกต่างกัน โดยรูป ก. ลูกจะได้รับแอนติบอดีโดยตรงจากน้ำ�นมแม่ ส่วนรูป ข. เป็นการฉีดวัคซีน ซึ่ง
เป็นการกระตุ้นร่างกายให้สร้างแอนติบอดีที่จำ�เพาะต่อแอนติเจนนั้น นำ�ไปสู่ข้อสรุปว่าการสร้าง
ภูมิคุ้มกันของร่างกายแบ่งได้เป็น 2 แบบ คือ ภูมิคุ้มกันรับมาและภูมิคุ้มกันก่อเอง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 16 | ระบบภูมิคุ้มกัน
ชีววิทยา เล่ม 4
162