Table of Contents Table of Contents
Previous Page  219 / 254 Next Page
Information
Show Menu
Previous Page 219 / 254 Next Page
Page Background

CO

2

+ H

2

O

H

2

CO

3

H

+

+ HCO

แก๊สคาร์บอน

ไดออกไซด์

น้ำ�

กรดคาร์บอนิก

ไฮโดรเจน

ไอออน

ไฮโดรเจน

คาร์บอเนต

ไอออน

ครูใช้คำ�ถามเพื่อให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงความเป็นกรด-เบสของ

เลือด ดังนี้

ถ้าร่างกายมีไฮโดรเจนไอออนสูงกว่าปกติ จะมีผลอย่างไรกับกระบวนการเมแทบอลิซึม

จากการอภิปรายนักเรียนควรสรุปได้ว่า ถ้าร่างกายมีไฮโดรเจนไอออนสูงกว่าปกติจะทำ�ให้เลือด

มีภาวะเป็นกรด ส่งผลให้เอนไซม์ที่ทำ�หน้าที่เร่งอัตราการเกิดปฏิกิริยาในกระบวนการเมแทบอลิซึมไม่

สามารถทำ�งานได้ โดยปกติเลือดจะมี pH อยู่ระหว่าง 7.35-7.45 ซึ่งเป็นภาวะที่เอนไซม์ส่วนใหญ่

ทำ�งานได้

ครูให้นักเรียนสืบค้น อธิบายและและสรุปเกี่ยวกับกลไกที่ควบคุมการรักษาดุลยภาพความเป็น

กรด-เบสของเลือดโดยไต ครูอาจใช้รูป 17.10 ในหนังสือเรียนเพื่อสรุปว่าเมื่อเลือดมีความเป็นกรด ไต

จะเพิ่มการหลั่งไฮโดรเจนไอออนและมีการหลั่งแอมโมเนียมไอออนจากเลือดเข้าสู่ท่อหน่วยไตบริเวณ

ท่อขดส่วนต้นและท่อขดส่วนปลาย และเพิ่มการดูดกลับสารที่มีสมบัติเป็นเบส เช่น ไฮโดรเจน

คาร์บอเนตไอออนเข้าสู่หลอดเลือด ทำ�ให้ความเป็นกรด-เบสของเลือดเข้าสู่ภาวะสมดุล

ครูอาจเชื่อมโยงถึงระบบหายใจซึ่งมีปอดทำ�หน้าที่ในการรักษาดุลยภาพความเป็นกรด-เบสของ

เลือดด้วย โดยการหายใจนำ�แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากร่างกาย

จากนั้นให้นักเรียนตอบคำ�ถามในหนังสือเรียนซึ่งมีแนวคำ�ตอบดังนี้

ถ้าไตเสียหายหรือไม่สามารถทำ�งานได้จะมีผลต่อร่างกายอย่างไร

ร่างกายจะสะสมของเสียที่เกิดจากกระบวนการเมแทบอลิซึมไว้เป็นจำ�นวนมาก และไม่สามารถ

รักษาดุลยภาพของน้ำ�และสารต่าง ๆ รวมทั้งความเป็นกรด-เบสในเลือดได้ อาจทำ�ให้เสียชีวิต

ครูและนักเรียนร่วมกันเขียนแผนผังสรุปกระบวนการทำ�งานของหน่วยไตในการรักษาดุลยภาพ

ของสารต่าง ๆ ในร่างกาย ซึ่งอาจเขียนแผนผังได้ดังตัวอย่าง

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บทที่ 17 | ระบบขับถ่าย

ชีววิทยา เล่ม 4

207