ดังนั้นการดื่มที่มีแอลกอฮอล์จึงเป็นสาเหตุน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากแอลกอฮอล์เป็นตัวการขัดขวางการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย ไม่ให้เกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ ฉะนั้นหากเลิกดื่มเครื่องดื่มประเภทนี้ก็จะเป็นผลดีต่อสุขภาพ...

ทั้งนี้การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อาจทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นได้ โดยเบียร์ 1 กระป๋อง ขนาด 120 ออนซ์ จะให้พลังงานประมาณ 115 แคลอรี เทียบเท่ากับกินข้าวสวย 1 ทัพพีครึ่ง การกินอาหารทั่วไป เช่น ข้าว เส้นก๋วยเตี๋ยว กับเนื้อสัตว์ต่างๆ น้ำหนักทุก 1 กรัม ร่างกายจะได้พลังงาน 4 กิโลแคลอรี่ ขณะที่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์น้ำหนักทุก 1 กรัมจะให้พลังงานมากถึง 7 กิโลแคลอรี่

สิ่งที่น่าห่วงอีกเรื่องหนึ่งคือช่วงอากาศหนาวเย็นจะมีเทศกาลงานฉลองสังสรรค์มากมาย เช่น งานคริสมาสต์ งานส่งท้ายปีเก่ต้อนรับปีใหม่ ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกครั้งที่มีงานเลี้ยง จะทำให้มีไขมันในเลือดสูงขึ้นได้ตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 40 ปี และเสี่ยงต่อหัวใจวายได้ โดยคนที่ดื่มเหล้าหรือเบียร์ทุกวันจะมีพลังงานส่วนเกินจากเครื่องดื่มเหล่านี้สะสมในร่างกายวันละ 50 -200 กิโลแคลอรี จึงเหมือนกินไขมัน 1-4 ช้อนชา ทำให้มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอาจถึงเดือนละ 1 กิโลกรัม หรืออาจมีไขมันในเส้นเลือดสูง ถึงแม้ไม่ได้อ้วนก็ได้

นอกจากนี้หากนั่งดื่มเหล้าขณะผิงไฟไปด้วย ก็อาจเกิดอุบัติเหตุได้ ส่วนผู้ที่ไม่มีเสื้อกันหนาวจึงต้องผิงไฟเพื่อเพิ่มความอบอุ่นแก่ร่างกาย ควันไฟอาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจและดวงตา จึงแนะนำให้ผู้ที่กำลังเป็นหวัดไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ หรือผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้อยู่แล้ว หลีกเลี่ยงการสูดควันด้วยการนั่งผิงไฟเหนือลม กรณีที่มีเสื้อผ้าบางๆ ก็อาจต้องใส่หลายๆ ชั้น โดยเฉพาะเวลานอน

นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สภาพอากาศในช่วงนี้หนาวเย็นมาก โดยยังมีความเชื่อว่าการดื่มเหล้าจะช่วยเพิ่มความอบอุ่นร่างกาย บางคนเชื่อว่าไม่ต้องสวมเสื้อผ้าให้อบอุ่นก็ได้ ซึ่งในทางการแพทย์จัดว่าเป็นความเชื่อที่ผิดและเป็นอันตรายต่อร่างกายมาก เนื่องจากฤทธิ์แอลกอฮอล์จะทำให้หลอดเลือดฝอยที่อยู่ใต้ผิวหนังเกิดการขยายตัว ทำให้รู้สึกร้อนเหมือนร่างกายอบอุ่นขึ้น ทั้งที่การขยายตัวของหลอดเลือดฝอยจะทำให้ความร้อนถูกระบายออกจากร่างกายได้ง่าย อุณหภูมิในร่างกายจึงลดลงต่ำกว่าปกติ หากเผลอนอนหลับไป ทำให้ร่างกายสัมผัสอากาศเย็นเป็นเวลานาน จะทำให้เสียชีวิตได้