เรียนรู้จากวิกฤตน้ำท่วมภาคใต้ไปกับ สสวท.
ข่าวใหญ่ที่มาพร้อมกับการส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ในช่วงที่ผ่านมาไม่นาน ก็คือพิบัติภัยน้ำท่วมภาคใต้ ซึ่งสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) กระทรวงศึกษาธิการ ได้เรียนรู้และเผยข้อเท็จจริงของสาเหตุวิกฤตน้ำท่วมภาคใต้ที่หลายๆ คนยังไม่ทราบแบบเข้าใจง่าย ๆ รวมทั้งวิธีการปฏิบัติขณะเกิดน้ำท่วมน้ำท่วม จัดเป็นธรณีพิบัติภัยประเภทหนึ่ง ซึ่งมีการจัดการเรียนการสอนอยู่ในรายวิชาโลก ดาราศาสตร์และอวกาศ ซึ่งจะให้ความรู้เกี่ยวกับ สาเหตุ กระบวนการเกิดพื้นที่เสี่ยงภัย การเฝ้าระวัง และป้องกัน รวมถึงแนวทางในการปฏิบัติตนให้ปลอดภัยจากพิบัติภัยต่าง ๆ ที่มีโอกาสเกิดขึ้น และส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์
ว่าที่ร้อยตรีภูริวัจน์ จิราตันติพัฒน์ สาขาวิทยาศาสตร์มัธยมศึกษาตอนปลาย สสวท. อธิบายว่าน้ำท่วมเป็นพิบัติภัยที่น้ำไหลบ่าท่วมพื้นดินที่ปกติจะแห้ง โดยมี 2 รูปแบบ ได้แก่ น้ำท่วมบริเวณต้นน้ำหรือที่เราเรียกว่า น้ำป่าไหลหลาก จะเกิดบริเวณภูเขาที่เป็นแหล่งต้นน้ำที่ประกอบด้วยลำธารเล็ก ๆ จำนวนมากเมื่อฝนตกหนักเป็นเวลานาน น้ำจะไหลซึมลงดินไม่ทันทำให้ลันเอ่อมาตามลำธารบนภูเขา และไหลด้วยความเร็วค่อนข้างมาก น้ำจะพัดพาเศษดิน เศษหิน กิ่งไม้มาด้วยซึ่งอาจจะทำให้เกิดดินถล่มตามมาได้ และอีกรูปแบบหนึ่งคือ น้ำท่วมบริเวณปลายน้ำ จะท่วมที่บริเวณพื้นที่ราบลุ่มน้ำท่วมถึง ซึ่งมีความสูงของพื้นที่ใกล้เคียงกับระดับน้ำทะเล มีปริมาณน้ำจากบริเวณต้นน้ำไหลลงมาจำนวนมาก จนไหลลงสู่ทะเล่ไม่ทัน ทำให้เกิดเป็นน้ำท่วมขังยาวนานหลายสัปดาห์
ว่าที่ร้อยตรีภูริวัจน์ จิราตันติพัฒน์
สาขาวิทยาศาสตร์มัธยมศึกษาตอนปลาย สสวท.
สำหรับข้อแนะนำในการปฏิบัติตัวเมื่อประสบภัยน้ำท่วมนั้น เมื่อเราเป็นผู้ประสบภัย เราไม่ควรลงไปลุยน้ำ เพื่อป้องกันอันตรายที่เกิดจากไฟรั่ว เราควรหลีกเลี่ยงการลงไปเล่นน้ำ หรือจับปลาที่มากับน้ำท่วม เพราะอาจทำให้จมน้ำได้ เมื่อต้องการอพยพ ก็ควรทำตามแผนอพยพไปอยู่ในสถานที่ ๆ ปลอดภัย ไม่ควรใช้รถยนต์ในการหนีน้ำท่วม เพราะอาจทำให้เครื่องยนต์ดับ หรือถูกกระแสน้ำพัดพาไป
ในกรณีที่เกิดดินถล่ม ให้ระมัดระวังก้อนหินกิ่งไม้ ที่อาจหล่นมาทับได้ ควรรับประทานอาหารปรุงสุกใหม่ ๆ เพื่อป้องกันโรคที่มากับน้ำท่วม เช่น ฉี่หนู อหิวาตกโรค ควรเก็บขยะไว้ในถุงก่อนเมื่อน้ำลดแล้วจึงนำไปทิ้งที่ปลอดภัย เพื่อป้องกันโรคระบาด หากมีผู้ป่วยต้องการแพทย์ฉุกเฉินให้กด โทร. 1119 และ ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม โทร. 1111 กด 5 ควรหมั่นติดตามข่าวสารน้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมพร้อมรับมือได้อย่างทันท่วงที
รศ. ดร.กฤษณะเดช เจริญสุธาสินี Master Trainer โครงการ GLOBE ของ สสวท. และเป็นผู้อำนวยการศูนย์ความรู้เฉพาะด้านนิเวศวิทยาพยากรณ์และการจัดการ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ อธิบายเพิ่มเติมว่า การที่ฝนตกหนัก ปกติจะเกิดจากหย่อมความกดอากาศต่ำซึ่งจะเกิดขึ้นบริเวณที่มีความแปรปรวนของอากาศค่อนข้างเยอะปกติความกดอากาศต่ำหรือแนวฝนที่เกิดขึ้นนั้น มักจะสอดคล้องกับการหมุนของอากาศ ในกรณีที่เคยเกิดขึ้นในปีก่อนหน้านี้จะมีในลักษณะของลมหมุน แต่ความเร็วสูง ซึ่งเรียกว่าพายุตอนที่เกิดน้ำท่วมที่จังหวัดนครศรีธรรมราชนั้น พายุอยู่ใกล้กับไต้หวันและฟิลิปปินส์ แต่หางของพายุส่งฝนมาที่ภาคใต้ของประเทศไทย
รศ. ดร.กฤษณะเดช เจริญสุธาสินี
Master Trainer โครงการ GLOBE ของ สสวท.
ในทางฟิสิกส์ เราไม่ชอบสภาพอากาศที่คงที่ตลอดเวลา เราต้องการอากาศที่มีความแปรปรวนเล็กน้อย เช่นถ้าแดดออกต่อกันนาน ๆ ก็จะเกิดความแห้งแล้ง หรือ ถ้าฝนตกติดต่อกันนาน ๆ ก็จะเกิดน้ำท่วม ที่จังหวัดนครศรีธรรมราชเกิดปรากฏการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ 2 ครั้งภายในเวลา 1 เดือน คือ ต้นเดือนธันวาคม พ.ศ. 2559 และต้นเดือนมกราคมพ.ศ. 2560 สร้างความเสียหายมากมาย การเกิดน้ำท่วมใหญ่ภาคใต้ทั้งสองครั้งนี้เกิดมาจากโครงสร้างอากาศที่ไม่หยุดนิ่งเป็นลมที่หมูนตลอดเวลา แต่ไม่ใช่พายุ ทำให้เกิดฝนตกต่อเนื่องเป็นเวลานาน ปริมาณน้ำฝนสะสมในพื้นที่ในปริมาณมากเป็นเหตุผลที่ทำให้เกิดน้ำท่วม ทั้ง 2 ครั้ง
หลายคนตั้งคำถามว่าการพัฒนาของเมืองที่สร้างถนนหรือบ้านเรือนขวางทางน้ำ มีผลให้เกิดน้ำท่วมมากน้อยแค่ไหนนั้น ถ้าเราพัฒนาและวางแผนผังเมืองให้ถูกหลักนิเวศวิทยา สิ่งก่อสร้างก็จะสามารถเป็นมิตรกับระบบนิเวศได้ทำให้น้ำระบายได้เร็ว ซึ่งเราต้องศึกษาทำความเข้าใจเกี่ยวกับนิเวศทางน้ำ เช่น เรื่องของทิศทางน้ำไหลเข้า น้ำไหลออกทิศทางน้ำที่ไหลลงจากภูเขาสู่ทะเล
หลายๆ ปีที่ผ่านมา เรามักจะสร้างถนนที่ไม่มีทางระบายน้ำใต้พื้นถนน อาจเป็นเพราะถ้ามีทางระบายน้ำใต้พื้นถนนจะทำให้มีค่าใช้จ่ายในการสร้างถนนที่สูง แต่ในทางระบบนิเวศที่ดีที่สุด เราอยากได้ถนนที่น้ำสามารถลอดผ่านต้านใต้ถนนได้ ตัวอย่างเช่นการสร้างเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติในพื้นที่ป่าชายเลน เราก็จะต้องสร้างทางเดินศึกษาธรรมชาติที่น้ำไหลผ่านได้หรือการสร้างทางเดินศึกษาธรรมชาติในถ้ำเราก็จะทำเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติในถ้ำที่ปล่อยให้น้ำไหลผ่านได้ เพื่อไม่ให้นักท่องเที่ยวไปเหยียบพื้นถ้ำ ทำให้ระงับการเกิดหินงอกหินย้อยจากพื้นถ้ำ ลองจินตนาการดูว่าถ้าเราไปปูทางเดินในถ้ำด้วยพื้นซีเมนต์สำเร็จรูป อย่างไรเสียถ้ำก็ต้องได้รับผลกระทบอย่างแน่นอนดังนั้นสิ่งปลูกสร้างจึงมีผลแน่นอนต่อการเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศแน่ ๆ
ส่วนใหญ่การสร้างหมู่บ้านจัดสรรจะสร้างในพื้นที่ชุ่มน้ำ ขี้งการสร้างหมู่บ้านจัดสรรที่ดีควรจะสร้างทางระบายน้ำ ถ้าโครงการพัฒนาต่าง ๆ มีการปลูกสร้างอย่างถูกวิธีเหมาะสมเรื่องของน้ำท่วม ก็เป็นเรื่องที่สามารถจัดการได้ อยู่ที่เราจะเลือกแบบไหน เช่นการสร้างถนนควรมีการเจาะช่องระบายน้ำใต้พื้นถนนมากขึ้น หมู่บ้านจัดสรรควรมีระบบทางระบายน้ำ หรือแนวฟลัดเวย์ ถ้าเราทำได้แบบนี้ โอกาสที่น้ำจะท่วมก็คงลดลงหรือไม่รุนแรงนัก
ทั้งนี้ สสวท. ได้ดำเนินโครงการ GLOBE (Global Learning and Observations to Benefit the Environment) เป็นใครงการวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมนานาชาติ ที่มุ่งเน้นส่งเสริมให้นักเรียนทั่วโลกทำงานวิจัยค้นคว้าร่วมกับครู นักวิทยาศาสตร์ และชุมชนโดยการเก็บข้อมูลอย่างถูกต้อง แม่นย่ำสม่ำเสมอ ต่อเนื่อง และครอบคลุมพื้นที่ เพื่อให้สามารถระบุแนวโน้มรูปแบบความสัมพันธ์ของข้อมูล เข้าใจแบบจำลอง และทำนายปรากฏการณ์ธรรมชาติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบนโลกได้อันจะนำไปสู่ความเข้าใจปัญหาและการแก้ปัญหาในระดับท้องถิ่น ระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับโลกอย่างแท้จริงและยั่งยืน นอกจากนี้โครงการ GLOBE ยังมุ่งเน้นที่จะพัฒนาผู้เรียนให้เข้าใจธรรมชาติของวิทยาศาสตร์ และใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาศาสตร์ในการสืบเสาะหาความรู้และแก้ปัญหารู้ว่าปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่มีรูปแบบที่แน่นอน สามารถอธิบายและตรวจสอบได้
"โครงการ GLOBE ของ สสวท. จะมีการสร้างองค์ความรู้ ให้นักเรียนชุมชน เกิดความเข้าใจนิเวศของน้ำติดตามการเปลี่ยนแปลงของน้ำทางภาพถ่ายดาวเทียม ซึ่ง สสวท. มีกลไกที่จะผลักดันด้านนี้ ถ้าหากโรงเรียนสนใจอย่างแพร่หลายขึ้น ก็จะขยายเครือข่ายให้กว้างขวางขึ้น โครงการ GLOBE นี้บริหารจัดการโดยองค์การนาซา ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อให้ชุมชนทั่วโลกได้เรียนรู้ร่วมกัน ผ่านเทคโนโลยีที่เชื่อมต่อกันปัจจุบันโครงการนี้พัฒนาอุปกรณ์ที่ช่วยวัดระดับน้ำ สามารถนำไปใช้ในการติดตามน้ำท่วมภาคนักเรียน ภาคชุมชนซึ่งอยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง" รศ. ดร.กฤษณะเดช เจริญสุธาสินี กล่าวทิ้งท้าย
วิกฤตน้ำท่วมที่ผ่านมาเป็นบทเรียนให้เราได้เรียนรู้ ทำความเข้าใจและเตรียมตัวรับมือกับปัญหาพิบัติภัยที่อาจเกิดซ้ำอีกต่อไปในอนาคต
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของนิตยสาร สสวท. ผู้อ่านสามารถติดตามบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่ https://magazine.ipst.ac.th/
-
12466 เรียนรู้จากวิกฤตน้ำท่วมภาคใต้ไปกับ สสวท. /article-earthscience/item/12466-2021-10-19-04-06-54เพิ่มในรายการโปรด