Charles Lyell บิดาคนหนึ่งของวิชาธรณีวิทยา
เมื่อ Charles Darwinเรียบเรียงหนังสือ On the Origin of Speciesเขาได้อ้างถึง Charles Lyell ว่า เป็นผู้ที่ให้ความคิดและวิธีคิดประมาณครึ่งหนึ่งของเนื้อหาที่มีในหนังสือเล่มนั้นโลกทุกวันนี้รู้ว่า Lyell เป็นนักธรณีวิทยาชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดในคริสต์ศตวรรษที่ 18 เพราะได้อธิบายปรากฏการณ์แผ่นดินไหว เสนอทฤษฎีกำเนิดภูเขาไฟ และแบ่งยุคของโลกออกเป็น 3 ยุค คือ Pliocene (ไม่นาน), Miocene (นาน) และ Eocene (นานมาก) นอกจากนี้ยังเป็นบุคคลแรก ๆ ของโลกที่เชื่อว่า โลกมีอายุมากกว่า 300 ล้านปี หลังจากที่ได้ศึกษาลักษณะทางกายภาพของหินดึกดำบรรพ์ ซึ่งข้อมูลนี้สนับสนุนความคิดเรื่องทฤษฎีวิวัฒนาการของ Darin และในปี ค.ศ. 1858 Lyell ยังช่วยจัดการให้งานวิจัยของ Darwin เรื่องวิวัฒนาการได้รับการเผยแพร่พร้อมกับงานวิจัยของ Alfred Russel Wallace ที่ทำเรื่องเดียวกันด้วย
Charlies Lyell เกิดเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ค.ศ.1797 (ตรงกับรัชสมัยสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช) ที่เมือง Kinnordy ในสกอตแลนด์เป็นบุตรคนโตของครอบครัวที่มีลูก 10 คน บิดาเป็นนักพฤกษศาสตร์และนักกฎหมายที่สนใประวัติศาสตร์และเป็นคนที่สนับสนุน Lyell ให้เก็บสะสมแมลงเป็นงานอดิเรกเพราะบ้านอยู่ใกล้หุบเขา Grampianดังนั้นเด็กชาย Lyell จึงสนใจ และชอบเดินศึกษาธรรมชาติ ระบบนิเวศ และสภาพธรณีวิทยาในบริเวณบ้าน เมื่อถึงวัยเรียนก็ได้ติดตามบิดาไปเรียนหนังสือที่เมืองหลายแห่ง เช่น Ringwood. Salisbury และ Midhurst
จนอายุ 19 ปี จึงได้เข้าเรียนที่ Exeter College แห่งมหาวิทยาลัย Oxford หลังจากที่ได้เรียนวิชาธรณีวิทยากับอาจารย์ซื่อ William Buckland Lyell ก็รู้สึกดื่มด่ำในวิชานี้มากจนถึงกับตัดสินใจว่าจะมีอาชีพเป็นนักธรณีวิทยา ทั้ง ๆ ที่บิดาตั้งใจจะให้ Lyell เป็นนักกฎหมาย แต่เพื่อจะได้ไม่เป็นการขัดใจบิดา จึงได้ตัดสินใจเรียนนิติศาสตร์ ตั้งแต่ปริญญาตรีจนจบปริญญาโท แล้วไปเรียนต่อที่สำนักกฎหมาย Lincoln’s Inn ซึ่งมีชื่อเสียงเมื่ออายุ 23 ปี
จากนั้นได้เดินทางไปท่องเที่ยวในยุโรปกับครอบครัว เพราะในสมัยนั้นชนชั้นสูงในอังกฤษมีประเพณีนิยมให้ลูกชายเดินทางไปท่องเที่ยวในยุโรปก่อนจะเริ่มทำงาน เพื่อเพิ่มประสบการณ์ชีวิตและการท่องเที่ยวครั้งนั้นได้ทำให้ Lyell เห็นความหลากหลายทางภูมิศาสตร์ของยุโรป เช่น เห็นภูเขาและธารน้ำแข็งที่มีหิมะปกคุลมบนเทือกเขา Alps ความรู้สึกรักวิชาธรณีวิทยาจึงได้บังเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
รูปที่ 1 Charles Lyell
ที่มา https://www.darwinproject.ac.uk/sites/default/files/LYELL-C-01-03051.jpg
จากนั้น Lyell ได้เข้าร่วมทำกิจกรรมของสมาคมธรณีวิทยา (Geological Society) ที่Edinburgh และได้สมัครเป็นสมาชิกของสมาคมนี้จึงได้รับเลือกเป็นเลขานุการของสมาคมเมื่อมีอายุเพียง 26 ปี งานในตำแหน่งนี้ได้ทำให้เวลาทำงานต้านกฎหมายลดลงมาก เพราะ Lyell ต้องออกสำรวจพื้นที่บ่อย และความชอบด้านธรณีวิทยาก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ครั้นเมื่อ Lyell ได้พบกับปราชญ์ Alexander von Humboldt ของเยอรมนี และ Georges Cuvier ของฝรั่งเศส ซึ่งเป็นนักปราชญ์ที่มีชื่อเสียงระตับโลก Lyell จึงสมัครเป็นสมาซิกของ Linnean Society และผันชีวิตมาเป็นนักธรณีวิทยาเต็มตัว เมื่อผลงานเรื่อง "On a recent formation of freshwater limestone in Forfarshire" ไต้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Quarterly Review และผลงานนี้เองที่ทำให้ Lyell ได้รับเลือกเป็น Fellow of the Royal Society (F.R.S.) เมื่อมีอายุเพียง 29 ปี
ในปี ค.ศ. 1832 Lyell ได้เข้าพิธีสมรสกับ Mary Homer และไต้เขียนตำรา Principles of Geology ที่ยิ่งใหญ่และสำคัญมาก ผลงานนี้ทำให้ได้รับการแต่งตั้งเป็นศาสตราจารย์ธรณีวิทยาสังกัด King's College แห่งมหาวิทยาลัยลอนดอน อีกทั้งยังสามารถนำรายได้จากการขายตำรามาให้ Lyell ด้วย Lyell ยังได้รับเชิญไปบรรยายที่ Royal Institution เป็นประจำ จนทำให้ได้รับเลือกเป็นนายกของ Geological Society คนแรกของสมาคม
ผลงานเรื่อง Principles of Geology นี้ได้ทำให้ Lyell มีซื่อเสียงโต่งตังมากที่สุด หนังสือชุดนี้มี 3 เล่มและเป็นผลงานที่ Lyell เขียนขึ้นจากประสบการณ์ที่ได้เดินทางไปสำรวจทางธรณีวิทยาในเยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ สกอตแลนด์ และอเมริกาเหนือ แล้วนำข้อมูลที่ได้มาสังเคราะห์เป็นทฤษฎี ที่มีเนื้อหาว่า ความเข้าใจในปัจจุบันคือกุญแจที่จะนำไปสู่ความเข้าใจในอดีต Lyell ยังได้เสนอความเห็นอีกว่า ผิวโลกสามารถเปลี่ยนแปลงได้ โดยอิทธิพลของลมพายุ กระแสน้ำ คลื่นทะเลปราญฏการณ์แผ่นดินไหว และภูเขาไฟระเบิดความรุนแรงนี้ได้มีมาเป็นเวลานานตั้งแต่สมัยตึกตำบรรพ์ และที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน รวมถึงจะมีต่อไปในอนาคต และความคิดนี้ไต้ถูก Darwin นำไปใช้เป็นหลักการพื้นฐานหนึ่งในทฤษฎีวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต
ในปี ค.ศ. 1845 Lyell ได้เขียนหนังสือเรื่อง Travels in North America และเขียน A Second Visit to the United States ที่ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1848 หนังสือทั้งสองเล่มเป็นหนังสือท่องเที่ยวเชิงธรณีวิทยาที่ได้รับความนิยมมาก สำหรับเรื่องเกียรติยศและชื่อเสียงนั้น Lyell ไต้รับการโปรดเกล้าฯ เป็นขุนนางระดับอัศวินและบารอนอีกทั้งยังได้รับเหรียญ Copley Medal ซึ่งนับเป็นเกียรติสูงสุดจาก Royal Society ด้วย
Lyell เสียชีวิตที่ London เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1875 สิริอายุ 77 ปี ศพถูกนำไปฝังในมหาวิหาร Westminster Abbey ณ วันนี้บนดาวอังคาร และดวงจันทร์ของโลกมีหลุมอุกกาบาตชื่อ Lyell ที่ออสเตรเลียใน Tasmania มียอดเขาซื่อ Lyell ที่ Yosemite National Park ในอเมริกาก็มียอดเขา Lyell ใน New Zealand มีแม่น้ำ Lyell กับเหมืองทองคำ Lyell และ Louis และ Agassiz ได้ตั้งชื่อซากปลาดึกดำบรรพ์ที่เขาพบในสกอตแลนด์ว่า Cephalaspis lyeli นักวิซาการที่มีอิทธิพลต่อความคิดของ Lyell ซื่อ James Hutton ส่วนนักวิทยาศาสตร์รุ่นหลังที่ได้รับอิทธิพลทางความคิดจาก Lyell คือCharles Darwin และ Thomas Henry Huxley
ถ้าย้อนกลับไปศึกษาผลงานของ Lyell ก็ตระหนักได้ว่า ในยุคที่ Lyell กำลังทำวิจัยนั้น สถาบันศาสนาได้สอนผู้คนทั่วไปให้เชื่อว่า ความรู้ และวิซาการ มีปรากฎอยู่อย่างสมบูรณ์ในคัมภีร์ไบเบิล เช่น พระเจ้าทรงสร้างสรรพสิ่ง ทั้งที่มีชีวิต และไม่มีชีวิต รวมถึงโลก และเอกภพ ดังนั้นอาจารย์ที่สอนวิชาธรณีวิทยาจึงจำเป็นต้องสอนตามตัวอักษรที่ปรากฏอยู่ในไบเบิล เช่น เทือกเขาสามารถเกิดขึ้นได้ภายในเวลาวันเดียวตามคำบัญชาของพระเจ้า และสิ่งมีชีวิตก็จะคงอยู่และเป็นอยู่ตามรูปแบบที่พระเจ้าทรงสร้าง โดยจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เกิดขึ้นในอนาคต
แต่เมื่อถึงคริสต์ศตวรรษที่ 18 นักชีววิทยาได้เริ่มพบฟอสซิลของสัตว์ที่ฝังอยู่ในชั้นหิน อีกทั้งสามารถเห็นไต้ชัดว่า ซากนั้นเป็นของสัตว์ที่ไม่มีใครเคยพบเห็นมาก่อนบนโลกซึ่งหมายความว่า สัตว์ซนิดนั้นได้สูญพันธุ์ไปนานมากแล้วการตระหนักรู้นี้ทำให้นักชีววิทยามีความคิดว่า โลกในอดีตมีสัตว์หลายชนิดที่ไม่เหมือนสัตว์ปัจจุบัน การคันพบนี้จึงให้คำตอบที่ขัดแย้งกับคำสอนในไบเบิลที่ว่า สัตว์โลกไม่มีการสูญพันธุ์
ทว่า James Hutton ซึ่งเป็นนักธรณีวิทยารุ่นก่อน Lyell ได้เสียชีวิตไปก่อน Lyell เกิด 15 ปี เขาเคยเขียนบทความทางธรณีวิทยาว่า สาเหตุที่ทำให้ผิวโลกเปลี่ยนสัณฐาน มิได้หายสาบสูญไปที่ใด แต่อยู่บนโลก และจะทำให้ผิวโลกเปลี่ยนแปลงไปในอนาคต ทว่าแนวคิดนี้ของ Hutton ไม่ได้รับความสนใจจากบรรดานักวิซาการในสมัยนั้น และเขาได้ถูกสังคมประณามว่าเป็นคนนอกรีต
เมื่อถึงยุคของ Lyell หลังจาก Hutton การมีข้อมูลที่มากกว่า เป็นนักเขียนธรรมดาและมีลีลากับสำนวนเขียนน่าอ่านยิ่งกว่าของ Hutton เสียอีก ความคิดของ Lyell จึงเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางกว่า ทำให้ Lyell เป็นนักธรณีวิทยาคนสำคัญคนหนึ่งของอังกฤษซึ่งรอบรู้ต้านนิเวศวิทยาแต่ไม่ตระหนักว่า ระบบนิเวศมีความสำคัญต่อการอยู่รอดของสิ่งมีชีวิตมากเพียงใด
ดังนั้นเมื่อ Charles Darwin เรียบเรียงหนังสือ Origin of Species เสร็จในปี ค.ศ. 1859 และ Lyell เห็นฟอสซิลเขาจึงรู้ว่าสัตว์ก็มีวิวัฒนาการ จึงได้เรียบเรียงองค์ความรู้นี้ลงในตำรา Principles of Geology ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 10ในปี ค.ศ. 1866(ในการพิมพ์ครั้งที่ 1-9 Lyell ยังเห็นไม่สอดคล้องกับ Darwin นักจึงไม่ใต้เอ่ยถึงทฤษฎีวิวัฒนาการในหนังสือเล่มที่ Lyell เขียน) แต่เมื่อเข้าใจว่า Darwin ก็ใช้หลักการของ Lyell จึงหันมาสนับสนุน Darwin ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
รูปที่ 2 หน้าปกหนังสือ Principles of Geology
ที่มา https://n4.sdlcdn.com/imgs/e/8/c/Principles-of-Geology-SDL311177767-1-a55db.jpg
ตำรา Principles of Geology ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 10-12 อธิบายว่า การทำลายสปีซีส์เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนแปลง ตังนั้นสปีซีส์จึงต้องปรับตัวตาม เพื่อให้สามารถดำรงชีพได้อย่างเหมาะสม แต่Lyell ไม่สามารถอธิบายได้ว่า เมื่อสภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงสิ่งมีชีวิตสปีซีส์ใหม่จะเกิดขึ้นได้อย่างไร และเขาก็ยอมรับว่าความรู้ที่เขามียังไม่สมบูรณ์ ทั้ง ๆ ที่ Lyell มิได้เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มุ่งเรียนแต่ก็ได้ใช้ตรรกะและหลักการรวมถึงหลักฐานต่าง ๆ ในมุมมองของนักกฎหมายเพื่อสร้างทฤษฎีใหม่ ๆ ที่สามารถอธิบายเหตุการณ์ได้ในภาพรวม โดยไม่สนใจหรือให้น้ำหนักในการอธิบายภาพย่อย เพราะจะทำให้เสียเวลา แนวคิดของ Lyell จึงเป็นที่ชื่นซมของ Darwin มาก จนต้องเดินทางมาขอคำปรึกษาอยู่เนือง ๆ
ครั้นเมื่อ Darwin ได้พบว่า Wallace พบทฤษฎีวิวัฒนาการในเวลาไล่เลี่ยกันกับเขาและทำงานอย่างอิสระ Darwin รู้สึกตกใจมาก จึงไปหา Lyell เพื่อขอคำแนะนำ และ Lyell ได้เสนอให้คนทั้งสองไปรายงานตัวในที่ประชุมของ Royal Society พร้อมกัน โดยให้ที่ประชุมฟังรายงานของ Wallace ก่อนแล้วตามด้วยรายงานของ Darwin
ในปี ค.ศ. 1875 เมื่อภรรยาเสียชีวิต Lyell รู้สึกเสียใจมากและใช้ชีวิตต่ออีก 2 ปีก่อนจะจากโลก Lyell ได้เขียนจดหมายถึง Ernst Haeckel ทำนองตัดพ้อว่า นักชีววิทยาส่วนใหญ่ (ในสมัยนั้น) ไม่รู้ว่าช่วงเวลาระหว่างการทำงานของ Lamarck กับของ Darwin มีความรู้ชีววิทยาอะไรเกิดขึ้นบ้าง (Lyell คือคนที่สร้างผลงานชีววิทยามากที่สุดในช่วงนั้น) แต่ทุกวันนี้ นักชีววิทยาทั่วโลกยอมรับแล้วว่า Lyell คือ บุคคลที่ทำให้ Darwin ยิ่งใหญ่ หลังจากที่ได้อ่านตำรา Principles of Geology ซึ่งทำให้เรารู้ว่าความนึกคิดของ Darwin และผู้อ่านทุกคนก็มีวิวัฒนาการ
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของนิตยสาร สสวท. ผู้อ่านสามารถติดตามบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่ https://magazine.ipst.ac.th/
บรรณานุกรม
Lyell, C. (1875). Principles of Geology. London: John Murray.
-
12472 Charles Lyell บิดาคนหนึ่งของวิชาธรณีวิทยา /article-earthscience/item/12472-charles-lyellเพิ่มในรายการโปรด
-
คำที่เกี่ยวข้อง