วิกฤติโลกเดือด“ปะการังฟอกขาว”
“ปะการังฟอกขาว” เป็นสัญญาณเตือนสำคัญอย่างหนึ่งของวิกฤติโลกเดือดที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในปัจจุบัน เนื่องจากปะการังเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมในมหาสมุทร การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิผิวน้ำทะเลเพียง 1–2 องศาเซลเซียส ในระยะเวลา 3 สัปดาห์ สามารถทำให้ปะการังเกิดการฟอกขาวได้
ปะการัง (Coral) เป็นกลุ่มของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่ประกอบด้วยตัวปะการังซึ่งเรียกว่า “โพลิป” (Polyp) ซึ่งมีลักษณะไม่ซับซ้อน อยู่รวมกันเป็นโคโลนี (Colony) ปะการังมีลำตัวนิ่ม มีหนวด (Tentacle) ที่มีส่วนปลายเป็นเข็มยื่นออกมาใช้ในการจับเหยื่อที่เป็นตัวอ่อนของสัตว์ต่าง ๆ ที่ล่องลอยในน้ำเป็นอาหาร ปะการังสร้างชั้นหินปูนห่อหุ้มตัวของมันไว้จึงมีโครงสร้างภายนอกแข็งแรง อยู่ร่วมกันกับสาหร่ายซูแซนเทลลี (Zooxanthellae) แบบพึ่งพา (Mutualism) (ภาพ 1) โดยปะการังจะให้ที่อยู่อาศัยและแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์เพื่อใช้ในกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงแก่สาหร่ายซูแซนเทลลี ในขณะเดียวกันสาหร่ายซูแซนเทลลีจะสร้างอาหารเพื่อผลิตสารประกอบคาร์บอนให้ปะการังนำไปใช้เป็นพลังงานและช่วยเพิ่มอัตราการสร้างหินปูน โครงสร้างแข็งของปะการังจะขยายขนาดขึ้นโดยการแตกหน่อของโพลิป (สุชนา ชวนิชย์, วรณพ วิยกาญจน์ และเจริญ นิติธรรมยง, 2546) ปะการังจะเติบโตได้ดีในบริเวณที่น้ำทะเลมีอุณหภูมิตั้งแต่ 18–27 องศาเซลเซียส น้ำใส ความลึกของน้ำไม่เกิน 50 เมตร และมีแสงแดดส่องถึงปะการัง (กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช, 2556) ตัวปะการังมีรูปเป็นทรงกระบอกมีขนาดเพียง 1 มิลลิเมตร ถึง 1 เซนติเมตร ในปีหนึ่ง ๆ กลุ่มปะการังจะสามารถสร้างโครงสร้างหินปูนได้เพียง 6–7 มิลลิเมตรเท่านั้น กิ่งก้านสาขาของปะการังที่เราเห็นยาวประมาณ 10 เซนติเมตรนั้นต้องใช้ระยะเวลายาวนาน 10–15 ปี ทั้งนี้ ปะการังบางชนิดที่มีขนาดใหญ่สามารถเติบโตถึง 500 ปี และอาจมีจำนวนโพลิปนับล้านล้านตัว

ภาพ 1 กายวิภาคของปะการัง
ที่มา: ดัดแปลงจากภาพของ Laura Torresan, Pacific Coastal and Marine Science Center, U.S. Geological Survey (USGS) (2022)
การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศกับปะการังฟอกขาว
การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศที่อุณหภูมิอากาศสูงขึ้นทำให้อุณหภูมิผิวน้ำทะเลสูงขึ้นด้วย ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตในทะเล โดยเฉพาะปะการังที่มีความไวต่อการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม หากอุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้นเพียงเล็กน้อย (1–2 องศาเซลเซียส) แต่เป็นเวลานาน หรือเปลี่ยนแปลงไปอย่างฉับพลัน จะส่งผลให้ปะการังเกิดความเครียดจนเกิดปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว (Coral Bleaching) ปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวเป็นปรากฏการณ์ที่ปะการังตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมที่ผิดปกติ โดยปล่อยสาหร่ายซูแซนเทลลีที่อยู่ในเนื้อเยื่อปะการังออก เหลือแต่โครงสร้างหินปูนของปะการังที่มีสีขาว ปะการังในระยะนี้จะอ่อนแอเพราะไม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอ และอาจตายถ้าไม่สามารถทนต่อสภาวะนี้ได้

ภาพ 2 การเกิดปะการังฟอกขาว
ที่มา: ดัดแปลงจากภาพ National Oceanic and Atmospheric Administration (NOAA), 2567
การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศสังเกตได้จากสถานะของปรากฏการณ์ El Niño Southern Oscillation (ENSO) ที่บ่งชี้โดยค่าดัชนี Oceanic Niño Index (ONI) ซึ่งมีความสัมพันธ์กับการฟอกขาวของปะการัง อุณหภูมิผิวน้ำทะเลสามารถกระตุ้นให้เกิดปะการังฟอกขาวได้เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิในมหาสมุทรแปซิฟิกสามารถส่งผลต่ออุณหภูมิน้ำทะเลในน่านน้ำไทยผ่านกระบวนการในชั้นบรรยากาศและในมหาสมุทร ดังนั้น การติดตามการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิในมหาสมุทรแปซิฟิกจึงช่วยในการประเมินแนวโน้มการเกิดปะการังฟอกขาวในน่านน้ำไทยได้ล่วงหน้าประมาณ 2–3 เดือน เช่น ปะการังฟอกขาวรุนแรงในปี พ.ศ. 2559 ซึ่งเกิดภายหลังค่าอุณหภูมิผิวน้ำทะเลในมหาสมุทรแปซิฟิกที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงเดือนธันวาคม พ.ศ. 2558 ซึ่งเป็นระยะที่ปรากฏการณ์ ENSO มีการพัฒนาเต็มที่ (ภาพ 3) (โครงการพัฒนาระบบประเมินการเกิดปะการังฟอกขาว กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง, 2567)

ภาพ 3 การเปลี่ยนแปลงค่าดัชนี ONI\
หมายเหตุ
– แกนนอนแสดงเดือนกึ่งกลางของช่วง 3 เดือนของค่าดัชนี ONI เช่น Jan-24 หมายถึงค่าเฉลี่ยช่วงเดือนธันวาคม พ.ศ. 2566 ถึงกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567
– กรอบสีแดงแสดงช่วงปีที่พบการเกิดปะการังฟอกขาวในน่านน้ำไทย
การประเมินปะการังฟอกขาว
ปะการังในทะเลไทยกำลังฟอกขาวรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ปะการังจะแสดงอาการผิดปกติเมื่ออุณหภูมิผิวน้ำทะเลสูงกว่า 30.5–31 องศาเซลเซียส เมื่อน้ำร้อนจัดผิดปกติ ปะการังเริ่มปล่อยสาหร่ายซูแซนเทลลีที่ทำให้ปะการังมีสีสันออกไปจากเนื้อเยื่อปะการัง ทำให้ปะการังมีสีซีดลง ซึ่งสามารถประเมินปะการังฟอกขาวได้ดังตาราง 1 และภาพ 4
ตาราง 1 การประเมินปะการังฟอกขาวในระดับต่างๆ

ภาพ 4 การประเมินปะการังฟอกขาวในระดับต่าง ๆ
ที่มา: คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
การคาดการณ์แนวโน้มการเกิดปะการังฟอกขาว
ในปี พ.ศ. 2567 มีความเสี่ยงต่อการเกิดปะการังฟอกขาวเนื่องจากการที่อุณหภูมิผิวน้ำทะเลบริเวณกลางมหาสมุทรแปซิฟิกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เดือนเมษายน พ.ศ. 2566 ถึงเมษายน พ.ศ. 2567 บ่งชี้สถานะการเกิดปรากฏการณ์ El Niño (ONI > 0.5 องศาเซลเซียส) ตามภาพ 2 เมื่อติดตามข้อมูลอุณหภูมิผิวน้ำทะเลที่ตรวจวัดได้ ปี พ.ศ. 2567 ในพื้นที่จังหวัดระยอง (เส้นกราฟสีส้ม) และจังหวัดชุมพร (เส้นกราฟสีม่วง) พบว่าอุณหภูมิผิวน้ำทะเลสูงกว่าปีที่ผ่านมา (เส้นกราฟสีดำ) อย่างชัดเจน ซึ่งมีรายงานการเกิดปะการังฟอกขาว 51–90 เปอร์เซ็นต์ ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2567 (ภาพ 5) (โครงการพัฒนาระบบประเมินการเกิดปะการังฟอกขาว กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง, 2567)

ภาพ 5 สถานการณ์ปะการังฟอกขาว ปี พ.ศ. 2567
หน่วยงาน National Oceanic and Atmospheric Administration (NOAA) Coral Reef Watch ประเมินแนวโน้มการเกิดปะการังฟอกขาวล่วงหน้า 3 เดือน หรือ 12 สัปดาห์ โดยพิจารณาจากแนวโน้มการเกิดความเครียดสะสมจากความร้อนในปะการัง และจำแนกความเสี่ยงตามเกณฑ์ (ตาราง 2) สัมพันธ์กับแนวโน้มผลกระทบในช่วงเวลาสัปดาห์ที่ 1–4, 5–8 และ 9–12 นับจากวันที่คาดการณ์ โดยจากภาพ 6 คาดการณ์แนวโน้มการเกิดปะการังฟอกขาวในวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 พบว่า ในสัปดาห์ที่ 1–4 (มิถุนายน พ.ศ. 2567) ปะการังในบริเวณอ่าวไทยฝั่งตะวันออก อ่าวไทยฝั่งตะวันตก และทะเลอันดามัน มีโอกาสเกิดการฟอกขาวรุนแรงในระดับความเสี่ยง Alert Level 2 และค่อย ๆ ลดลงในสัปดาห์ที่ 5–8 (กรกฎาคม พ.ศ. 2567) และสัปดาห์ที่ 9–12 (สิงหาคม พ.ศ. 2567) (ที่มา: NOAA Coral Reef Watch, 2567 และโครงการพัฒนาระบบประเมินการเกิดปะการังฟอกขาว กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง, 2567)
ตาราง 2 ระดับความเสี่ยง สัมพันธ์กับระดับผลกระทบ

(ก) อ่าวไทยฝั่งตะวันออก
(ข) อ่าวไทยฝั่งตะวันตก

(ค) ทะเลอันดามัน
ภาพ 6 การคาดการณ์แนวโน้มการเกิดปะการังฟอกขาว ในวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 (ก) อ่าวไทยฝั่งตะวันออก, (ข) อ่าวไทยฝั่งตะวันตก และ (ค) ทะเลอันดามัน
การเสื่อมโทรมและตายไปของปะการังจะทำให้ระบบนิเวศในทะเลเสียสมดุล ความหลากหลายในระบบนิเวศจะลดลงเรื่อย ๆ สัตว์ทะเลหลายชนิดกำลังอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์เนื่องจากปะการังเป็นแหล่งอาหารและที่อยู่ของสัตว์ทะเล แหล่งเพาะพันธุ์ วางไข่ และเลี้ยงตัวอ่อนของสัตว์ทะเลหลากหลายชนิด หากปะการังฟอกขาวและตายไป สิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ก็จะหายไปด้วยตามลำดับ เช่นเดียวกันกับมนุษย์ที่พึ่งพาอาศัยแนวปะการังธรรมชาติเป็นแหล่งอาหารและแหล่งรายได้จากการทำประมงและการท่องเที่ยวก็จะได้รับผลกระทบตามไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ปะการังสามารถฟื้นตัวเองได้ตามธรรมชาติ โดยมีอัตราการฟื้นตัวตามธรรมชาติประมาณ 1–11% ต่อปี (ค่าปกคลุมของปะการังที่มีชีวิตเพิ่มขึ้น 1–11% ต่อปี) หรือเฉลี่ยประมาณ 5% ต่อปี ทั้งนี้ น้ำต้องมีคุณภาพดีและไม่มีผลกระทบเพิ่มเติมจากมนุษย์ หากสามารถควบคุมปัจจัยคุกคามได้และไม่เกิดภัยตามธรรมชาติ (เช่น ปะการังฟอกขาวและพายุพัดทำลาย) อาจจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 8 ปี แนวปะการังจึงจะอยู่ในระดับที่สมบูรณ์ได้อีกครั้ง (โดยประมาณว่ามีค่าปกคลุมของปะการังที่มีชีวิตในภาพรวม 60% ขึ้นไป) (นายนิพนธ์ พงศ์สุวรรณ, 2559)
สสวท. ส่งเสริมให้เยาวชนได้เรียนรู้และเท่าทันการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ โดยพัฒนาหนังสือกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ สำหรับนักเรียนระดับประถมศึกษาปีที่ 4–6 และระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1–3 เรื่อง ภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงมีผลกระทบต่อปะการังอย่างไร ซึ่งเป็นกิจกรรมในการคำนวณปะการังเป็น–ปะการังตายเพื่อประเมินสถานภาพความสมบูรณ์ของแนวปะการังตามแนวทางนักวิทยาศาสตร์ที่ดำเนินการศึกษาในพื้นที่จริง ซึ่งผู้เรียนจะได้เรียนรู้จากสถานการณ์จริง และลงมือปฏิบัติด้วยตนเองโดยใช้กระบวนทางการวิทยาศาสตร์ ก่อให้เกิดองค์ความรู้ด้วยตนเองและยังเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาในท้องถิ่นของผู้เรียนได้อีกด้วย
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของนิตยสาร สสวท. ปีที่ 52 ฉบับที่ 248 พฤษภาคม – มิถุนายน 2567
ผู้อ่านสามารถติดตามบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่ https://emagazine.ipst.ac.th/248/48/
บรรณานุกรม
National Oceanic and Atmospheric Administration (NOAA). (2567). What is coral bleaching?. Retrieved June 4, 2024, from https://oceanservice.noaa.gov/ facts/coral_bleach.html.
Pacific Coastal and Marine Science Center, U.S. Geological Survey (USGS). (2022). Coral Reef Facts. Retrieved June 4, 2024, from https://www.usgs.gov/ centers/pcmsc/coral-reef-facts?qt-science_center_objects=0#qt-science_center_objects.
กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช. (2556). ปะการังสายใยแห่งชีวิต. สืบค้นเมื่อ 4 พฤษภาคม 2567, จาก http://www.dnp.go.th/parkreserve/Np/Html/Research/ Coralreef/Coralreef_7.html.
คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. (2567). การประเมินปะการังฟอกขาว. สืบค้นเมื่อ 4 พฤษภาคม 2567, จาก https://www.facebook.com/photo/?fbid=8396608087020987 &set=a.235339669814577.
โครงการพัฒนาระบบประเมินการเกิดปะการังฟอกขาว กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง. (2567). ติดตามปรากฏการณ์ El Niño Southern Oscillation (ENSO) ในมหาสมุทรแปซิฟิก. สืบค้นเมื่อ 31 พฤษภาคม 2567, จาก https://thailandcoralbleaching.dmcr.go.th/th/blog_coral/detail/73.
โครงการพัฒนาระบบประเมินการเกิดปะการังฟอกขาว กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง. (2567). ประเมินความเสี่ยงปะการังฟอกขาวล่วงหน้ารายฤดูกาลโดย NOAA CRW. สืบค้นเมื่อ 31 พฤษภาคม 2567, จาก https://thailandcoralbleaching.dmcr.go.th/th/blog_coral/detail/71.
นิพนธ์ พงศ์สุวรรณ. (2559). แนวทางการฟื้นฟูแนวปะการัง. สืบค้นเมื่อ 5 ตุลาคม 2559, จาก https://km.dmcr.go.th/c_3/d_14081.
สุชนา ชวนิชย์ วรณพ วิยกาญจน์ และ เจริญ นิติธรรมยง. (2546). ปะการัง ปราการด่านสุดท้ายของระบบนิเวศ จากยอดเขาถึงใต้ทะเล : ธรรมชาติแห่งชีวิตที่ต้องเรียนรู้ ใช้ประโยชน์ และสร้างจิตสำนึก โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี. สืบค้นเมื่อ 31 พฤษภาคม 2567, จาก http://www.rspg.or.th/articles/coral/coral1.htm.
