Table of Contents Table of Contents
Previous Page  205 / 302 Next Page
Information
Show Menu
Previous Page 205 / 302 Next Page
Page Background

ครูให้นักเรียนอภิปรายโดยใช้รูป 11.19 ในหนังสือเรียน และคำ�ถามดังนี้

จากที่นักเรียนได้เรียนรู้เรื่องการคายน้ำ�ของพืช หากพืชอยู่ในภาวะร้อนหรือแห้งแล้ง

พืชจะตอบสนองอย่างไร

เมื่อรูปากใบของพืชปิดจะส่งผลต่อปริมาณ CO

2

และ O

2

อย่างไร

ถ้ามี CO

2

น้อย RuBP จะสามารถตรึง CO

2

ได้เหมือนเดิมหรือไม่

ถ้า RuBP สามารถตรึง O

2

ได้ จะมีผลต่อกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงหรือไม่

จากการอภิปรายนักเรียนควรตอบได้ว่าเมื่อพืชอยู่ในภาวะร้อนหรือแห้งแล้งจะมีการปิดรูปากใบ

ซึ่งส่งผลต่อการแลกเปลี่ยนแก๊สของพืช ทำ�ให้พืชได้รับ CO

2

น้อยลง จึงทำ�ให้พืชตรึง CO

2

ได้น้อยลง

และหาก RuBP สามารถตรึง O

2

ได้ ก็อาจทำ�ให้เกิดการตรึง O

2

แทนการตรึง CO

2

ซึ่งทำ�ให้มีปริมาณ

RuBP น้อยลงที่จะตรึง CO

2

จากนั้นครูใช้รูป 11.20 ในหนังสือเรียนเพื่ออธิบายเกี่ยวกับโฟโตเรสไพเรชันว่า ในขณะที่พืช

ตรึง CO

2

อาจมีการตรึง O

2

เกิดขึ้นด้วย โดย RuBP มีบริเวณเร่งที่สามารถจับได้ทั้งกับ CO

2

และ O

2

เมื่อมีการสะสมของ O

2

มากขึ้น RuBP มีโอกาสจับกับ O

2

มากขึ้น และจับ CO

2

ได้น้อยลง กระบวนการ

ที่ RuBP ตรึง O

2

นี้เรียกว่า โฟโตเรสไพเรชัน ซึ่งจะทำ�ให้พืชสลายสารอินทรีย์และสูญเสียคาร์บอนโดย

ถูกปล่อยออกมาในรูป CO

2

ทำ�ให้มี PGA ที่นำ�เข้าสู่วัฏจักรคัลวินน้อยลง โดยในโฟโตเรสไพเรชัน

จะมีการใช้พลังงานจาก ATP อีกด้วย ซึ่งจะเห็นว่าโฟโตเรสไพเรชันเป็นกระบวนการที่คล้ายกับ

การหายใจระดับเซลล์ โดยครูอาจใช้คำ�ถามในหนังสือเรียนถามนักเรียน ดังนี้

ถ้าพืชเกิดโฟโตเรสไพเรชันมากจะเกิดผลอย่างไร

ถ้าพืชเกิดโฟโตเรสไพเรชันมากจะทำ�ให้ความสามารถในการตรึง CO

2

ในวัฏจักรคัลวินลดลง

เนื่องจากมี RuBP ลดลงเพราะ RuBP ส่วนหนึ่งจับกับ O

2

ทำ�ให้มี RuBP เหลือน้อยลงสำ�หรับ

การตรึง CO

2

นอกจากนี้การใช้ RuBP เป็นสารตั้งต้นในการเกิดปฏิกิริยาในกระบวนการ

โฟโตเรสไพเรชันจะได้ PGA น้อยกว่าการใช้ RuBP เป็นสารตั้งต้นในปฏิกิริยาในขั้นตอน

คาร์บอกซิเลชัน จึงได้สารผลิตภัณฑ์ที่เป็นน้ำ�ตาลน้อยกว่าด้วย

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บทที่ 11 | การสังเคราะห์ด้วยแสง

ชีววิทยา เล่ม 3

193