เตรียมรับมืออย่างไร… ในการจัดการศึกษายุค BANI World
ในอดีตมีกระแสการเปลี่ยนแปลงโลกยุคใหม่ที่เราคุ้นเคยคำว่า Digital Disruption ซึ่งหมายถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน โดยเป็นผลมาจากเทคโนโลยีที่ก้าวกระโดด ทำให้การดำเนินชีวิตหรือรูปแบบการดำเนินธุรกิจเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เช่น การใช้หุ่นยนต์แทนแรงงานคน การเข้ามาของอีเมล อินเทอร์เน็ต มือถือที่ลดการส่งจดหมายแบบเดิม การถ่ายภาพที่ใช้ฟิล์มมาเป็นการใช้กล้องดิจิทัลซึ่งบันทึกภาพเป็นข้อมูลทันที การทำให้อุปกรณ์ต่าง ๆ มีความสามารถในการตัดสินใจเองโดยใช้หลักการปัญญาประดิษฐ์ และตามมาด้วยคำว่า Digital Transformation คือ การเปลี่ยนแปลงสิ่งเก่าให้เกิดสิ่งใหม่ด้วยเทคโนโลยี เช่น การเปลี่ยนวิธีปฏิบัติงานจากระบบที่ใช้แรงงานคนไปสู่การใช้ระบบอัตโนมัติเพื่อลดการใช้ทรัพยากรและต้นทุน
จากยุคการเปลี่ยนฉับพลันทางดิจิทัล สู่โลกยุค VUCA และ BANI World
คำว่า VUCA เป็นคำที่ใช้ภายในกองทัพสหรัฐอเมริกาในช่วงปี ค.ศ. 1980 เพื่ออธิบายโลกที่เป็นอยู่ในเวลานั้น และเป็นคำย่อของชุดวิเคราะห์ข้อมูลที่นำมาประกอบการกำหนดกลยุทธ์ทางธุรกิจในยุคหลังปี ค.ศ. 2000 ประกอบด้วยคำ 4 คำ คือ Volatility โลกที่ผันผวน ยากจะคาดเดา เป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันไม่ทันตั้งตัว Uncertainty ไม่แน่นอนสูง ยากที่จะอธิบาย Complexity ซับซ้อน มีปัจจัยมากมายที่ต้องนำมาพิจารณาประกอบการตัดสินใจ และ Ambiguity คลุมเครือ เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ยากจะคาดเดาผลลัพธ์ได้ ซึ่งได้กลายเป็นกรอบแนวคิดสำคัญในหมู่คนที่ทำงานด้านกลยุทธ์และการวางแผน อย่างไรก็ตาม แนวทางหลังจากการระบาดโรคโควิด-19 มีการอธิบายโลกยุคใหม่ที่มีความเปลี่ยนแปลงรวดเร็วในช่วงสองปีที่ผ่านมา ด้วยคำว่า BANI
BANI World แตกต่างจากโลกเดิมอย่างไร
กรอบแนวคิดใหม่นี้ได้นำเสนอโดย Jamais Cascio นักมานุษยวิทยาชาวอเมริกันที่ศึกษาพฤติกรรมของมนุษย์ ได้ให้ความคิดเห็นว่า สิ่งที่เคยผันผวนมาก ๆ หมดความน่าเชื่อถือ คนเราไม่ได้รู้สึกถึงความไม่แน่นอนอีกต่อไป แต่เพิ่มระดับความวิตกกังวล นอกจากนี้ระบบต่าง ๆ ไม่ได้ซับซ้อนอีกต่อไป แต่มันกลายเป็นความไม่เป็นเส้นตรง สิ่งที่เคยคลุมเครือกลายเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถเข้าใจได้ Jamais Cascio ได้นิยามคำว่า BANI ขึ้นมาเพื่ออธิบายผลที่ตามมาอย่างต่อเนื่อง เน้นความรู้สึกนึกคิดของมนุษย์ที่มีผลต่อสภาพแวดล้อมของยุค VUCA และมีเป้าหมายขจัดความเปราะบางในสถานการณ์ของโลกในศตวรรษที่ 21 โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อโลกได้เผชิญหน้ากับการระบาดครั้งใหญ่จากโควิด-19 BANI เกิดขึ้นจากการรวมกันของอักษรตัวหน้าคำศัพท์ 4 คำ ได้แก่
- B - Brittle โลกที่เปราะบาง ในระบบสังคมที่ดูแข็งแรง แต่ความจริงแล้วอ่อนไหวจากปัจจัยที่มากระทบได้ง่าย โครงการหรือแผนงานต่าง ๆ ที่วางแผนไว้มีความเสี่ยงที่จะล้มเหลว อาจถูกทำให้หยุดชะงักได้ตลอดเวลา
- A - Anxious โลกที่เต็มไปด้วยความกังวล ความเครียด นำไปสู่การไม่กล้าตัดสินใจ กลัวความผิดพลาดจากการวางแผนดำเนินงานของตนเอง ไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์ภายนอกได้
- N - Nonlinear โลกที่คาดเดายาก การคาดเดายากในโลกแบบ BANI เกิดจากการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เป็นเส้นตรง หมายถึงสาเหตุและผลลัพธ์ไม่สัมพันธ์กัน และไม่สามารถคาดเดาแนวโน้มได้ สาเหตุเล็ก ๆ อาจจะนำไปสู่ปัญหาที่ใหญ่เกินได้
- I - Incomprehensible โลกที่เข้าใจยาก การคาดการณ์อย่างทะลุปรุโปร่งหรือการวางแผนควบคุมให้สิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นตามต้องการอาจจะทำได้ยากในโลกแบบ BANI เพราะมีความผันผวน พลิกผันอยู่ตลอดเวลา
ภาพ Jamais Cascio นักมานุษยวิทยาผู้คิคคำ BANI
ที่มา : https://thebulletin.org/biography/jamais-cascio/
ภาพแสดงยุค VUCA และ BANI
ที่มา : https://theagilecompany.org/vuca-bani/
ทักษะสำคัญและการเตรียมรับมือกับ BANI World
ความแน่นอนคือความไม่แน่นอนยังใช้ได้กับโลกยุคนี้เสมอ วิธีการรับมือที่ดีไม่ควรประมาทในการดำเนินชีวิตทั้งชีวิตและการทำงาน คือการเตรียมตัวเองให้พร้อมอยู่เสมอด้วยการมีใจที่อยากเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ การ Reskill (การสร้างทักษะขึ้นมาใหม่ที่จำเป็นต่อการทำงาน) และ Hard Skill (ทักษะหรือความสามารถที่ใช้ในการทำงานในแต่ละสายอาชีพ) เพื่อเป็นต้นทุนทักษะสำคัญในการที่จะแก้ปัญหากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ควรมีความยืดหยุ่น สร้างแผนสำรองและพร้อมเผชิญหน้ากับความท้าทายที่เกิดขึ้นได้อย่างไม่วิตกกังวล ทักษะสำคัญที่ช่วยให้เราอยู่ในโลกยุค BANI มีดังนี้
1. รับมือความเปราะบาง (Brittle) ด้วยความยืดหยุ่นทางจิตใจ (Mental Resilience) หรือการพาจิตใจกลับมาสู่จุดสมดุล การยืนหยัดจากความล้มเหลว เพื่อลุกจากความล้มเหลว และการปรับตัว (Adaptability)
2. เอาชนะความวิตกกังวล (Anxious) ด้วยความเห็นอกเห็นใจ (Empathy) สติ (Mindfulness) และความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence)
3. แก้ไขการคาดเดายาก (Nonlinearity) ดูบริบทสถานการณ์ที่รายล้อมเพื่อปรับตัว (Putting Change into Context) และมีความคล่องตัว (Being Agile)
4. ความไม่เข้าใจ (Incomprehensibility) สามารถแก้ไขได้ด้วยความโปร่งใส (Transparency) สัญชาตญาณ (Intuition) และการรับความเสี่ยง (Risk-Taking)

ภาพจาก: https://www.talentelement.com/building-resilience-in-a-bani-world/
นอกจากนี้ ยังมีแนวทางการพัฒนาเพิ่มเติมที่ช่วยรับมือกับสถานการณ์โลกยุคปัจจุบัน ได้แก่
1. Digitization มีทักษะดิจิทัล เรียนรู้และพัฒนาตนเอง นำเครื่องมือเทคโนโลยีมาปรับใช้กับองค์กร เช่น Chatbot การใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียมาประยุกต์ใช้ในองค์กรเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
2. New Policy Maker’s Mindset มีความยืดหยุ่นในการกำหนดแผนงานต่าง ๆ พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคต
3. Mental Health ภาวะจิตใจที่เป็นสุข สามารถปรับตัว แก้ปัญหา สร้างสรรค์ทำงานได้ มีความรู้สึกที่ดีต่อตนเองและผู้อื่น มีความมั่นคงทางจิตใจ มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ อยู่ในสังคมและสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงได้
4. Strengthen Teamwork เพื่อทำงานให้ประสบความสำเร็จ โดยทุกคนในทีมมีเป้าหมายเดียวกัน มีการแบ่งงานอย่างเป็นระบบ ช่วยกันพัฒนาทักษะ ความสามารถซึ่งกันและกัน บรรยากาศการทำงานเต็มไปด้วยความร่วมมือ ร่วมใจ ทุกคนในทีมรู้สึกถึงความสำคัญของหน้าที่ตนเอง
มุมมองของหน่วยงานด้านการศึกษากับโลกยุค BANI World
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ เป็นหน่วยงานหลักที่กำหนดทิศทางนโยบายการศึกษาของประเทศ ได้ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้พลเมืองไทยมีความรู้ ทักษะ และสมรรถนะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดนโยบายการศึกษา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 - 2568 ภายใต้แนวคิด “เรียนดี มีความสุข” ซึ่งมีความมุ่งหมายในการพัฒนานักเรียนทั้งด้าน IQ EQ และ SQ โดยมุ่งหวังให้นักเรียนมีความรู้ ทักษะ และคุณธรรมที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตในสังคมอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกัน ทั้งนี้ สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาผู้เรียนในมิติของ “ความฉลาดทางดิจิทัล” ซึ่งเป็นการพัฒนาคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้เรียนตามกรอบมาตรฐานการศึกษาของชาติ พ.ศ. 2561 โดยได้ร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ในการส่งเสริมความฉลาดดิจิทัล เช่น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยร่วมกันขับเคลื่อนการพัฒนาผู้เรียนในมติดังกล่าวผ่านการดำเนินโครงการพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือในการส่งเสริมครูอาจารย์เพื่อพัฒนาคนสำหรับโลกยุคใหม่ ทั้งนี้ แนวคิดหลักในการจัดกิจกรรมคือ “การเรียนรู้ตลอดชีวิต” (Lifelong Learning) และ “การเรียนรู้ด้วยประสบการณ์” สอดคล้องตามกรอบความฉลาดทางดิจิทัล (DQ Digital Intelligence Framework) 3 ระดับ 8 ด้านหลัก ครอบคลุมการพัฒนาทักษะความฉลาดทางดิจิทัล (DQ) ควบคู่ไปกับความฉลาดทางปัญญา (IQ) และความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) นอกจากนี้ ยังมีนโยบายส่งเสริมทักษะแห่งอนาคต ปรับรูปแบบการจัดการเรียนการสอนที่ส่งเสริมการเรียนรู้แบบ Active Learning และ Project-Based Learning เน้นการพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ ทักษะการแก้ปัญหา ทักษะการสื่อสาร และทักษะการทำงานร่วมกัน ปรับหลักสูตรการศึกษาให้สอดคล้องกับทักษะที่จำเป็นในโลก BANI พัฒนาวิธีการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง

ความฉลาดทางดิจิทัล (DQ Digital Intelligence Framework)
ภาพจาก: chrome-extension://efaidnbmnnnibpcajpcglclefindmkaj/http://cclickthailand.com/wp-content/uploads/2020/04/dq_FINAL.pdf
ผู้บริหารสถานศึกษาเตรียมรับมือโลกยุค BANI World ได้อย่างไร
สถานการณ์ในยุค BANI World เช่นนี้ย่อมส่งผลกระทบไปทุกวงการ รวมถึงวงการศึกษาด้วย ได้แก่ ช่วงหลังวิกฤตโควิด-19 นักเรียนเกิดสภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ ธุรกิจเทคโนโลยีการเรียนรู้ออนไลน์เติบโตอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ประชาชนบางกลุ่มเข้าไม่ถึงเทคโนโลยี เข้าไม่ถึงข้อมูล ไม่มีทักษะดิจิทัล เกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล รวมไปถึงสภาวะทางจิตใจของนักเรียน นักศึกษา และบุคลากรทางการศึกษายุคหลังโควิดที่เปราะบาง และเต็มไปด้วยความหดหู่ เครียด วิตกกังวล ซึ่งส่งผลกระทบอย่างยิ่งต่อประสิทธิภาพของการจัดการศึกษาให้บรรลุเป้าหมายในการพัฒนาและยกระดับคุณภาพผู้เรียนและเยาวชน ดังนั้น การจัดการกับปัญหาและความท้าทายเหล่านี้ย่อมเกี่ยวข้องโดยตรงกับผู้บริหารสถานศึกษาที่ต้องทำความเข้าใจและปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง
การบริหารการเปลี่ยนแปลงจึงเป็นภาระที่สำคัญของผู้บริหารสถานศึกษาในฐานะผู้นำของสถานศึกษาที่ต้องรับมือ วางแผน และเตรียมความพร้อมของบุคลากรในการตั้งรับกับสถานการณ์ในอนาคต ทั้งนี้ การจัดการเรียนรู้ในโลกยุคพลิกผันนี้จำเป็นจะต้องสร้างโอกาสการเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียนอย่างหลากหลายและมีคุณภาพ ผู้บริหารสถานศึกษาจึงควรมีทักษะ ดังนี้
1. ด้านความเปราะบาง ควรมีการพัฒนาแผนงานให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคม มีการปรับโครงสร้างการบริหารเพื่อลดขั้นตอนการดำเนินงาน และมีความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน มีการประเมินความเสี่ยง และค้นหาความเสี่ยงใหม่ ๆ อยู่เสมอ
2. ด้านความกังวล ควรสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่ครูอย่างต่อเนื่อง ให้ความสำคัญกับการทำงานเป็นทีม ทั้งนี้ ควรให้ความสำคัญกับสวัสดิการพื้นฐานและความปลอดภัยของครู
3. ด้านการคาดเดายาก ดำเนินการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีในการปฏิบัติงาน และให้ความสำคัญกับการพัฒนาความฉลาดทางอารมณ์ของครู แต่ผู้บริหารสถานศึกษาควรพัฒนาบุคลากรโดยใช้รูปแบบผสมผสาน ได้แก่ การฝึกอบรมครูที่หลากหลาย เช่น การบรรยาย การฝึกปฏิบัติ การเรียนรู้แบบออนไลน์ การสนับสนุนครูแต่ละคนตามความต้องการ
4. ด้านความเข้าใจได้ยาก มีความรับผิดชอบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของตนเอง และจัดทำแผนกลยุทธ์ของสถานศึกษาอย่างชัดเจน ส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรแห่งความโปร่งใส โดยเปิดเผยและแบ่งปันข้อมูลการดำเนินงานของสถานศึกษาอย่างตรงไปตรงมาต่อบุคลากรในองค์กร
ตัวอย่างนโยบายของผู้บริหารสถานศึกษาในยุค BANI
- จัดตั้งโครงการส่งเสริมการเรียนรู้ เน้นการพัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับศตวรรษที่ 21 เช่น การคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา การสื่อสาร การทำงานร่วมกัน และความคิดสร้างสรรค์ สนับสนุนการเรียนรู้แบบ Active Learning ที่ให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง ฝึกฝนทักษะและเรียนรู้จากประสบการณ์ ส่งเสริมการเรียนรู้แบบ Project-Based Learning ที่ให้นักเรียนได้ทำงานเป็นโครงการ พัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหา และทำงานร่วมกับผู้อื่น เช่น ระบบการเรียนการสอนแบบ STEM
- สนับสนุนการใช้เทคโนโลยี: เทคโนโลยีสามารถช่วยให้นักเรียนเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผู้บริหารควรจัดหาเครื่องมือและทรัพยากรที่จำเป็น เช่น สนับสนุนการใช้เทคโนโลยี AI ในการเรียนรู้ ซึ่ง AI สามารถปรับเนื้อหาและการสอนให้เหมาะกับความต้องการของนักเรียนแต่ละคน ช่วยให้นักเรียนเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถปรับระบบการเรียนการสอนที่ยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการที่หลากหลายของนักเรียน
- การส่งเสริมวัฒนธรรมแห่งการเรียนรู้: ผู้บริหารควรสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย สนับสนุน และกระตุ้นให้นักเรียนกล้าที่จะเรียนรู้ ลองผิดลองถูก และแสดงออก รวมถึงส่งเสริมให้นักเรียนและครูใฝ่รู้ ชอบเรียนรู้ คิดวิเคราะห์อย่างมีวิจารณญาณ และกล้าแสดงความคิดเห็น ทำให้นักเรียนมีทักษะการคิดวิเคราะห์ Problem-Solving Skills ดีขึ้น กล้าแสดงความคิดเห็น ทำงานร่วมกันเป็นทีม และมีความรับผิดชอบต่อสังคม ตัวอย่างกิจกรรมที่ส่งเสริมการเรียนรู้ เช่น จัดการแข่งขันหุ่นยนต์ จัดกิจกรรมฐานการเรียนรู้ ส่งเสริมให้นักเรียนคิดริเริ่ม กล้าแสดงออก และแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์
ภาวะความเป็นผู้นำในยุค BANI จำเป็นต้องผสมผสานทั้งศาสตร์และศิลป์ ผู้บริหารสถานศึกษาที่มีประสิทธิภาพจะต้องมีความรู้ ทักษะ และคุณสมบัติต่าง ๆ ที่จำเป็น ควบคู่ไปกับความฉลาดทางอารมณ์ ความคิดสร้างสรรค์ ความยืดหยุ่น ความกล้าหาญ และวิสัยทัศน์ เพื่อนำพาองค์กรและบุคลากรฝ่าฟันความท้าทายและบรรลุเป้าหมายในยุค BANI ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ซึ่งควรมีคุณสมบัติและสมรรถนะในตนเองเพื่อรับมือสถานการณ์โลกใน 9 ประการดังนี้ 1) ความคล่องตัวในการเรียนรู้ 2) มี Mindset ในการทำงาน มีทัศนคติที่ดีภายใต้โลกแห่งความจริง 3) มีความทันสมัย รู้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ 4) มีความคิดสร้างสรรค์เพื่อตอบสนองความรู้ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว 5) มีสมรรถนะในการทำงานเป็นทีม 6) มีความยืดหยุ่นในการปรับตัว 7) มีความเชื่อมั่นในตนเอง 8) มีความสามารถในการกำหนดเป้าหมาย วิสัยทัศน์ร่วมกัน และ 9) มีความสามารถในการจัดลำดับความสำคัญของวิกฤติต่าง ๆ ซึ่งย่อมมั่นใจได้ว่าผู้บริหารสถานศึกษาสามารถจัดการการศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดังนั้น การเป็นผู้บริหารการศึกษาในยุค BANI นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ด้วยวิสัยทัศน์ ความมุ่งมั่น และกลยุทธ์ที่เหมาะสม ผู้บริหารสามารถนำพาองค์กรและนักเรียนให้ประสบความสำเร็จ และสร้างอนาคตที่สดใสท่ามกลางความท้าทาย
ครูไทยเตรียมรับมือยุค BANI World ได้อย่างไร
การปรับตัวของครูในยุค BANI World นอกจากทักษะความรู้ทางวิชาการแล้ว ครูยังต้องมีทักษะรับมือกับยุค BANI World ได้แก่
1. การเรียนรู้เชิงบูรณาการ (Holistic Learning) โดยให้ความสำคัญทักษะบูรณาการทั้งการคิดเชิงวิพากษ์ สังคม และการเรียนรู้ในการแก้ปัญหา โดยครูจะเน้นให้นักเรียนมีส่วนร่วมขณะเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกทำกิจกรรมด้วยตนเอง การตั้งคำถาม หรือการตอบคำถาม นอกจากนี้ จะต้องส่งเสริมให้ใช้เวลาเรียนรู้อย่างเต็มที่ โดยไม่จำกัดการเรียนรู้ หรือมีลำดับขั้นตอนมากจนเกินไป

ภาพจาก: https://licet.ac.in/holistic-education/
2. การส่งเสริมทักษะการคิดอย่างเป็นอิสระ ครูควรส่งเสริมการพัฒนาทักษะการคิดอย่างเป็นอิสระให้กับนักเรียน โดยสร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนการแก้ปัญหา การวิเคราะห์ และการตัดสินใจที่มีความคิดริเริ่ม ซึ่งทักษะการคิดแบบเป็นเหตุเป็นผลด้วยวิจารณญาณ ทำให้สามารถวิเคราะห์และเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของข้อเท็จจริงต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ภาพจาก: https://www.dprep.ac.th/th/critical-thinking-skills/
3. การส่งเสริมทักษะการทำงานเป็นทีม (Collaboration Skills) ครูควรส่งเสริมทักษะการทำงานเป็นทีมให้กับนักเรียน โดยให้โอกาสในการทำงานร่วมกัน เรียนรู้จากกันและกัน สนับสนุนการสร้างความร่วมมือและสัมพันธภาพที่ดีในทีม
4. การใช้เทคโนโลยีในการเรียนรู้ (Technology Integration) ครูควรมีความเข้าใจในการใช้เทคโนโลยีในการเรียนรู้ สามารถนำเทคโนโลยีมาใช้ในกระบวนการจัดการเรียนรู้เพื่อเพิ่มประสบการณ์การเรียนรู้ที่น่าสนใจและมีประสิทธิภาพสูง
5. การสร้างและสนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) การมีทัศนคติรักในการเรียนรู้ตลอดชีวิต ฝักใฝ่เรียนรู้เพิ่มเติมในสิ่งต่าง ๆ พร้อมทั้งนำสิ่งที่ได้เรียนรู้มาปรับใช้กับการทำงานได้นั้นจะช่วยเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น โดยครูควรเป็นแบบอย่างในการพัฒนาตนเองและการเรียนรู้ตลอดชีวิต
ตัวอย่างกิจกรรมที่ครูสามารถนำไปใช้เพื่อส่งเสริมทักษะและคุณลักษณะที่จำเป็นสำหรับยุค BANI
1. กิจกรรมส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหา
- การคิดวิเคราะห์เชิงระบบ: ให้นักเรียนลองวิเคราะห์ปัญหาต่าง ๆ โดยใช้เครื่องมือคิดวิเคราะห์ เช่น แผนภูมิกระดูกปลา (Fishbone Diagram) แผนที่ความคิด (Mind Map)
- การคิดสร้างสรรค์: ให้นักเรียนลองคิดหาวิธีแก้ปัญหาต่าง ๆ โดยใช้เทคนิคการคิดสร้างสรรค์ เช่น การระดมความคิด (Brainstorming) เทคนิค SCAMPER ที่กระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์
- การตัดสินใจ: ให้นักเรียนลองวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ และตัดสินใจเลือกแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด
2. กิจกรรมส่งเสริมทักษะการสื่อสารและการทำงานเป็นทีม
- การอภิปราย: ให้นักเรียนลองอภิปรายหัวข้อต่าง ๆ ฝึกการฟัง การพูด การนำเสนอ และการโต้แย้งอย่างมีเหตุผล
- การทำงานกลุ่ม: ให้นักเรียนลองทำงานเป็นกลุ่ม ฝึกการแบ่งงาน การรับผิดชอบ การสื่อสาร และการทำงานร่วมกัน
- การนำเสนอผลงาน: ให้นักเรียนลองนำเสนอผลงานของตนเอง ฝึกการสื่อสาร การใช้ภาษา และการนำเสนออย่างมั่นใจ

ภาพจาก: ภาพจาก: https://akke1881.wordpress.com/
3. กิจกรรมส่งเสริมทักษะการเรียนรู้
- การเรียนรู้แบบ Project-Based: การเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็นฐาน เช่น กิจกรรมให้นักเรียนออกแบบและสร้างสวนผัก ให้นักเรียนได้เรียนรู้เกี่ยวกับพืช สัตว์ และระบบนิเวศ
- การเรียนรู้แบบ Problem-Based: เป็นวิธีการสอนที่เน้นให้นักเรียนเป็นศูนย์กลาง ใช้ตัวปัญหากระตุ้นการเรียนรู้ เช่น กิจกรรมให้นักเรียนออกแบบแคมเปญเพื่อรณรงค์ให้ผู้คนตระหนักถึงปัญหามลพิษ
- การเรียนรู้แบบ Gamified: นักเรียนเรียนรู้ผ่านเกมและกิจกรรมที่สนุกสนาน
4. กิจกรรมส่งเสริมทักษะชีวิตและคุณลักษณะอื่น ๆ
- การคิดบวก: ให้นักเรียนลองฝึกคิดบวก มองหาแง่ดี และหาโอกาสจากปัญหาต่าง ๆ
- การอดทน: ให้นักเรียนลองฝึกการอดทน มุ่งมั่น และไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก
- การเห็นอกเห็นใจ: ให้นักเรียนลองฝึกการเห็นอกเห็นใจ เข้าใจผู้อื่น และช่วยเหลือผู้อื่น
- การรับมือกับความเครียด: ให้นักเรียนลองฝึกการรับมือกับความเครียด ผ่อนคลาย และดูแลสุขภาพจิต
ตัวอย่างกิจกรรมเหล่านี้เป็นเพียงแนวทางคร่าว ๆ ครูสามารถปรับประยุกต์ให้เหมาะสมกับบริบทและความต้องการของนักเรียน สิ่งสำคัญคือครูต้องเปิดใจต่อการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ พัฒนาทักษะ และปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลง เพื่อที่จะเป็นผู้นำ ผู้สนับสนุน ผู้ปลูกฝัง และผู้จุดประกายให้เด็ก ๆ เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่พร้อมรับมือกับโลกยุค BANI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สรุปได้ว่าสถานการณ์การศึกษาในยุค BANI World จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีการจัดการกับปัญหาและความท้าทายเหล่านี้ ซึ่งย่อมเกี่ยวข้องโดยตรงกับหน่วยงานทางการศึกษาที่ต้องทำความเข้าใจและปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง หน่วยงานทางการศึกษามีหน้าที่รับผิดชอบในการกำหนดนโยบายพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา รวมถึงกลุ่มบริหารงานบุคคลในสถานศึกษา หน่วยงานทางการศึกษาควรมีนโยบายและดำเนินการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอน และ/หรือกิจกรรมเสริมสร้างพัฒนาสมรรถนะของผู้นำทางการศึกษาให้สอดคล้องกับบริบทของสถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองในปัจจุบัน รวมถึงในอนาคต เพื่อพัฒนาการจัดการศึกษาให้ประสบความสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นต่อไป
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของนิตยสาร สสวท. ปีที่ 52 ฉบับที่ 248 พฤษภาคม – มิถุนายน 2567
ผู้อ่านสามารถติดตามบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่ https://emagazine.ipst.ac.th/248/28/
บรรณานุกรม
Abayomi Baiyere. (2020). Digital Disruption a Conceptual Clarification. Retrieved June 1, 2024, from https://www.researchgate.net/publication/339025684.
เจริญ ภูวิจิตร์. (2565). ภาวะผู้นำทางการศึกษาโลกยุคผันผวน. สืบค้นเมื่อ 5 มิถุนายน 2567. จาก http://www.nidtep.go.th/2017/publish/doc/20220906-1.pdf.
โฟกัสนิวส์. (2567). สกศ.พัฒนาผู้เรียนรู้เท่าทันยุค BANI World โลกที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีดิจิทัลให้อยู่รอดปลอดภัย สอดรับนโยบายรัฐบาล. สืบค้นเมื่อ 5 มิถุนายน 2567. จาก http://www.focusnews.in.th/28293.
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2566). ความเคลื่อนไหวการศึกษาไทยและการศึกษาโลก. สืบค้นเมื่อ 5 มิถุนายน 2567. จาก https://www.onec.go.th/th.php/book/ BookView/2071.
