ธุรกิจอวกาศ SPACE X
ถ้าจะนึกถึงธุรกิจอวกาศคงจะจินตนาการกันไม่ง่ายนัก หนึ่งในบรรดาธุรกิจที่น่าจับตามองเป็นอย่างสูงคงหนีไม่พ้น SpaceX ซึ่งก่อตั้งโดย Elon Musk ผู้เป็นทั้งวิศวกรและนักธุรกิจชาวอเมริกัน หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Paypal และ Tesla Motors เป็นต้น
SpaceX เติบโตอย่างรวดเร็วไม่กี่ปีหลังจากการเริ่มต้นครั้งแรก และด้วยการพัฒนาจรวด Falcon 9 และ ยานอวกาศ Dragon ทำให้ SpaceX ได้ชนะในการคัดเลือกบริษัทเอกชนที่จะส่งของให้กับ International Space Station หรือสถานีอวกาศนานาชาติ กับ NASA
SpaceX ได้ทำการปล่อยจรวด Falcon 9 ขึ้นสู่ฟากฟ้า มันถูกจดจำทันทีในฐานะจรวดยุคใหม่ที่สามารถบรรทุกของหนักได้และถูกสร้างโดยบริษัทเอกชน ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2553 จรวด Falcon 9 ของ SpaceX ถูกปล่อยขึ้นฟ้าอีกครั้ง แต่คราวนี้มันถูกเชื่อมต่อกับกระสวยอวกาศชื่อ Dragon ซึ่งถูกออกแบบให้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ นอกจากนั้นกระสวยอวกาศ Dragon ยังสามารถบรรทุกคลังสินค้าและลูกเรือได้ในเวลาเดียวกัน เพื่อรองรับการเดินทางของทั้งคนและสินค้าในอนาคต ภารกิจครั้งนั้นคือการนำกระสวย Dragon ขับเคลื่อนขึ้นสู่ฟากฟ้าด้วย Falcon 9 และปล่อยให้มันเคลื่อนที่เป็นวงโคจรประมาณ 2 รอบก่อนตกกลับลงมาสู่มหาสมุทรแปซิฟิกและถูกนำกลับมาใช้ใหม่
โดยภารกิจของ SPACE X คือการขนส่งดาวเทียม ORBCOMM-2 จำนวน 11 ตัว ขึ้นสู่วงโคจรต่ำของโลก โดยใช้จรวด Falcon 9 ปล่อยขึ้นจากแหลมคานาเวอรัล รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐฯ หลังจากส่งดาวเทียมเสร็จแล้ว ตัวจรวดจะต้องสามารถร่อนกลับฐานในลักษณะแนวดิ่งได้อย่างปลอดภัย ตามแผนการนี้
ตั้งแต่ปี 2553 เป็นเวลากว่า 6 ปีมาแล้วที่จรวด Falcon 9 และยาน Dragon ได้ปฏิบัติภารกิจในการส่งยานไปสถานีอวกาศ และส่งดาวเทียม/ยานอวกาศ อีกหลายลำขึ้นสู่วงโคจร ไม่ว่าจะเป็น Low Earth orbit หรือ Geosynchronous Transfer Orbit
การส่งกระสวย Dragon ขึ้นไปกับ Falcon 9 เป็นเสมือนใบเบิกทางให้กับธุรกิจซึ่งสร้างรายรับอันมหาศาล ปีก่อน SpaceX เซ็นต์สัญญาเพื่อทำการส่งดาวเทียม Iridium ด้วยเงิน 492 ล้านดอลลาร์ และเซ็นต์สัญญามูลค่า 1,600 ล้านดอลลาร์กับ ISS [2] อีกด้วย มองง่าย ๆ ณ เวลานี้ SpaceX ก็เปรียบเสมือนบริษัทขนส่งสินค้า (รวมทั้งคน) ระหว่างโลกกับสถานีอวกาศเบื้องบน
Elon Musk บอกว่าประเด็นสำคัญของธุรกิจอวกาศคือการรีไซเคิล ต้นทุนรวมในการปล่อย Falcon 9 อยู่ที่ 60 ล้านดอลลาร์ มีเพียงแค่ 2 ล้านดอลลาร์เท่านั้นที่เป็นค่าเชื้อเพลิงซึ่งใช้แล้วหมดไป ส่วนอีก 58 ล้านที่เหลือสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ แม้จะเป็นแค่แนวคิดเริ่มต้น แต่วิธีการดังกล่าวจะช่วยลดต้นทุนการผลิตในครั้งต่อ ๆ ไปได้มาก
การรีไซเคิลสามารถแทรกอยู่ในสองขั้นตอนของการปล่อยจรวด ขั้นแรกคือการนำตัวยานซึ่งเป็นตัวจุดเชื้อเพลิงและถูกสลัดหลุดออกมาที่ความสูงไม่มากนักกลับมาใช้ใหม่ โดยคำนวณวิถีการตกของมันให้อยู่บริเวณฐานปล่อยจรวด ขั้นสองคือการนำส่วนตัวหลักของจรวดหลังจากที่มันทำหน้าที่เสร็จสมบูรณ์กลับลงสู่โลกอย่างปลอดภัย ซึ่งตัวจรวดเองจำเป็นต้องหุ้มด้วยฉนวนความร้อนเพื่อกันการเสียดสีกับชั้นบรรยากาศโลก ความท้าทายของ Elon Musk อยู่ที่ว่าจะทำอย่างไรไม่ให้การเสริมตัวกันความร้อนดังกล่าวกลายเป็นการเพิ่มน้ำหนักของจรวดมากจนเกินไป และไม่ทำให้ต้นทุนสูงขึ้นมากนัก
นอกจากนี้ Elon Musk ยังวางแผนที่จะบุกเบิกธุรกิจท่องเที่ยวในอวกาศ แน่นอนว่ากลุ่มเป้าหมายหลักไม่ใช่คนธรรมดาอย่างเรา ๆ แต่เป็นมหาเศรษฐีที่แสวงหาความบันเทิงและประสบการณ์ที่ไม่อาจสัมผัสได้บนโลก เมื่อเร็ว ๆ นี้ Elon Musk ได้ประกาศว่าจะส่งนักท่องเที่ยวไปยังดาวอังคารภายใน 10-20 ปีข้างหน้า นี่อาจเป็นธุรกิจที่รองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มน้อยนิดแต่สามารถกอบโกยเงินมหาศาลเลยทีเดียว
ภาพจาก
https://en.wikipedia.org/wiki/SpaceX
http://www.technobrunch.com/featured/elon-musk-did-it-again-with-spacex/
http://www.aripfan.com/spacex-falcon-9-lands-succeed/
เนื้อหาจาก
http://www.aripfan.com/spacex-falcon-9-lands-succeed/
http://nutn0n.com/spacex-fail/
http://bkkplanetarium.blogspot.com/2012/01/falcon-9-spacex-spacex-elon-musk-paypal.html