โดยทั่วไปแอนติบอดีไม่สามารถทำ�ลายแอนติเจนได้โดยตรงแต่การจับกันของแอนติบอดีกับ
แอนติเจนจะทำ�ให้เกิดกลไกการตอบสนองเพื่อทำ�ลายสิ่งแปลกปลอมได้หลายแบบ เช่น
1. การเกิดปฏิกิริยาสะเทิน (neutralization) เป็นกลไกที่แอนติบอดีจับกับแอนติเจน แล้วไป
ขัดขวางแอนติเจนทำ�ให้แอนติเจนหมดประสิทธิภาพในการทำ�งาน เช่น การทำ�ให้พิษงู
หมดสภาพความเป็นพิษหรือการล้อมรอบไวรัสทำ�ให้ไม่สามารถติดเชื้อได้ต่อไป
2. การรวมเป็นกลุ่มก้อน (agglutination) เป็นกลไกที่แอนติบอดีจับกับแอนติเจน ทำ�ให้
แอนติเจนรวมอยู่เป็นกลุ่มก้อน ทำ�ให้ง่ายต่อการกำ�จัดโดยฟาโกไซต์
3. การตกตะกอน (precipitation) เป็นกลไกที่แอนติบอดีสามารถเชื่อมต่อกับแอนติเจนที่เป็น
สารละลาย ทำ�ให้มีขนาดใหญ่จนเกิดการตกตะกอน ทำ�ให้ง่ายต่อการกำ�จัดโดยฟาโกไซต์
4. การทำ�งานของคอมพลีเมนต์ (complement activation) เป็นกลไกที่เกิดขึ้นเมื่อแอนติบอดี
จับกับแอนติเจนแล้วไปกระตุ้นการทำ�งานของคอมพลีเมนต์ซึ่งเป็นกลุ่มของโปรตีนที่พบใน
เลือด โดยคอมพลีเมนต์ไปจับบนแอนติเจนหรือเจาะผิวเซลล์แปลกปลอมทำ�ให้เซลล์แตก
เป็นการทำ�ลายสิ่งแปลกปลอมแบบหนึ่ง
ความรู้เพิ่มเติมสำ�หรับครู
คางทูม อีสุกอีใส มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัส สามารถติดต่อได้ผ่านทางระบบหายใจ
จากการไอหรือจาม การหายใจรดกัน หรือการสัมผัสสารคัดหลั่งที่มีเชื้อไวรัสปะปนอยู่ เช่น
น้ำ�ลาย น้ำ�มูก แต่ผู้ที่เคยป่วยและรักษาจนหายดีแล้ว หากได้รับเชื้อไวรัสชนิดเดิมจะไม่เป็น
โรคหรือมีอาการไม่รุนแรง เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น
เพราะในการติดเชื้อไวรัสครั้งแรกร่างกายมีการสร้างเซลล์ความจำ�จำ�นวนมากไว้ ซึ่งมีความ
จำ�เพาะต่อเชื้อไวรัส เมื่อได้รับเชื้อไวรัสชนิดเดิมอีกครั้งเซลล์ความจำ�เหล่านี้จะไปกระตุ้น
เซลล์บี เซลล์ทีชนิด CD4 และ CD8 เพื่อทำ�ลายเซลล์ที่ติดเชื้อไวรัสได้อย่างรวดเร็วขึ้น ทำ�ให้
ไม่เกิดโรคดังกล่าวอีก หรือถ้าเกิดโรคก็มีอาการไม่รุนแรง
ตรวจสอบความเข้าใจ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 16 | ระบบภูมิคุ้มกัน
ชีววิทยา เล่ม 4
156