จากรูป 4.24 การเปลี่ยนแปลงของเบสใน DNA เป็นอย่างไร และส่งผลอย่างไรต่อ DNA สายใหม่
ในการจำ�ลองดีเอ็นเอครั้งแรก มีการจับคู่ของเบสผิดคู่ เบส G ควรจะจับคู่กับเบส C แต่ไปจับคู่
กับเบส T แทน และเมื่อสายพอลินิวคลีโอไทด์ที่มีเบส T นี้ไปเป็นแม่แบบในการสร้าง
พอลินิวคลีโอไทด์สายใหม่ เบส T จะไปจับกับเบส A ดังนั้นลำ�ดับของเบสในสาย DNA สายนี้
จึงเปลี่ยนแปลงไป
ครูให้นักเรียนศึกษาฮีโมโกลบินที่ผิดปกติของคนที่เป็นโรคโลหิตจางชนิดซิกเคิลเซลล์ โดยการ
เปรียบเทียบกับฮีโมโกลบินของคนปกติ โดยใช้รูป 4.25 ในหนังสือเรียน จากรูปจะเห็นว่าลำ�ดับกรด
แอมิโนลำ�ดับที่ 6 ในสายบีตาของโมเลกุลฮีโมโกลบินของคนปกติเป็นกรดกลูตามิก ส่วนคนที่เป็นโรค
โลหิตจางชนิดซิกเคิลเซลล์เป็นวาลีน ส่วนคำ�ถามในหนังสือเรียนมีแนวคำ�ตอบดังนี้
ผู้ป่วยโรคโลหิตจางชนิดซิกเคิลเซลล์มีลำ�ดับของกรดแอมิโนในฮีโมโกลบินสายบีตาแตกต่างจาก
คนปกติอย่างไร
แตกต่างกันคือ กรดแอมิโนตำ�แหน่งที่ 6 ของพอลิเพปไทด์สายบีตาของฮีโมโกลบินในคนปกติ
เป็นกรดกลูตามิก ส่วนในคนที่เป็นโรคโลหิตจางชนิดซิกเคิลเซลล์จะเป็นวาลีน
ลักษณะทางพันธุกรรมของโรคโลหิตจางชนิดซิกเคิลเซลล์เกี่ยวข้องกับ DNA และโปรตีน อย่างไร
เมื่อเบสของ DNA เปลี่ยนไป การสังเคราะห์โปรตีนฮีโมโกลบินจะผิดปกติ ทำ�ให้คนที่มีลักษณะ
ทางพันธุกรรมเช่นนี้เป็นโรคโลหิตจางชนิดซิกเคิลเซลล์
จากนั้นครูตั้งคำ�ถามเพื่อนำ�ไปสู่การสืบค้นว่า กรดกลูตามิกในสายบีตาของโมเลกุลฮีโมโกลบิน
เปลี่ยนเป็นวาลีนได้อย่างไร ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนอภิปรายร่วมกันพร้อมทั้งศึกษารูป 4.26 ในหนังสือ
เรียนประกอบซึ่งแสดงการเกิดมิวเทชัน ซึ่งนักเรียนควรสรุปได้ว่า มีการแทนที่คู่เบสแล้วได้กรดแอมิโน
ชนิดใหม่ อาจจะเกิดจากความผิดพลาดขณะที่ DNA มีการจำ�ลองตัวเอง ดังนั้นเมื่อ DNA ที่สังเคราะห์
มาได้ถ่ายทอดรหัสให้ mRNA การแปลรหัสจาก mRNA จึงได้กรดแอมิโนที่แตกต่างจากเดิม แล้วตอบ
คำ�ถามซึ่งมีแนวการตอบดังนี้
การเกิดมิวเทชันแบบการแทนที่คู่เบสทำ�ให้เกิดผลเสียเสมอไปหรือไม่ เพราะเหตุใด
ไม่เสมอไปถ้ามีการแทนที่คู่เบสแล้วได้กรดแอมิโนชนิดเดิมจะไม่มีผลต่อฟีโนไทป์ของสิ่งมีชีวิตนั้น
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 4 | โครโมโซมและสารพันธุกรรม
ชีววิทยา เล่ม 2
30