การลำเลียงสาร
การลำเลียงสารของสัตว์
ระบบหมุนเวียนเลือด (circulatory system) มี 2 ระบบ คือ
1. ระบบหมุนเวียนเลือดแบบวงจรปิด (closed circulatory system)
เลือดไหลเวียนอยู่ภายในท่อของเส้นเลือดและหัวใจตลอดพบในสัตว์พวกแอนนีลิด (annelid) เป็นพวกแรก
พบในสัตว์มีกระดูกสันหลัง (vertebrate) ทุกชนิด
2. ระบบหมุนเวียนเลือดแบบวงจรเปิด (open circulatory system)
เลือดไหลในเส้นเลือด ช่องว่างของลำตัว แล้วไหลกลับเข้าสู่เส้นเลือดและเข้าสู่หัวใจต่อไป
สัตว์พวกแอนนีลิด (annelid)
หัวใจเทียม(pseudoheart) มาจากห่วงเส้นเลือดที่พองออก
- dorsal blood vessel นำเลือดกลับเข้าสู่หัวใจ
- ventral blood vessel รับเลือดจากหัวใจไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย
- เส้นเลือดฝอย (carpillary) กระจายอยู่ทั่วไปของร่างกาย
- มีฮีโมโกลบินที่มีธาตุเหล็กเป็นองค์ประกอบ
แมลง
- ระบบหมุนเวียนเลือดแบบวงจรเปิด
- หัวใจ (heart) เป็นส่วนของเส้นเลือดสูบฉีดเลือดไปทางด้านหัวไปสู่เนื้อเยื่อต่างๆ
- เลือดไม่มีสีหรือมีสีฟ้าอ่อนๆ เพราะมีฮีโมไซยานิน (hemocyanin) ที่มีทองแดง (Cu) เป็นองค์ประกอบ
- มีเส้นเลือดเหนือทางเดินอาหารเส้นเดียว (ไม่มีเส้นเลือดฝอย)
- ช่องว่างภายในลำตัว (hemoceol) ทำหน้าที่รับเลือดจากเส้นเลือด เพื่อลำเลียงสารไปสู่ส่วนต่างๆของร่างกาย และเป็นแหล่งแลกเปลี่ยนก๊าซ *(แมลงมีท่อลม (trachial system) ทำหน้าที่ลำเลียงก๊าซไปยังส่วนต่างๆของร่างกาย)*
กลับไปที่เนื้อหา
โครงสร้างของหัวใจ
ระบบหมุนเวียนเลือดในคน
หัวใจ (heart)
- ระหว่างปอดทั้งสองข้าง ค่อนไปทางซ้ายเล็กน้อย
- หัวใจอยู่ภายในถุงเยื่อหุ้มหัวใจ (pericardium)
1. กล้ามเนื้อหัวใจประกอบด้วย เนื้อเยื่อหุ้ม 3 ชั้น
ชั้นนอก (epicardium)
- มีเนื้อเยื่อไขมันเป็นจำนวนมาก พบเส้นเลือดขนาดใหญ่ผ่านชั้นนี้
- มีเส้นเลือดที่นำเลือดมาเลี้ยงหัวใจ โคโรนารี อาร์เทอรี (coronary artery) (เลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ) การอุดตันเลือดจะไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจไม่เพียงพอ ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจตาย อาจทำให้หัวใจวายถึงตายได้
2. ชั้นกลาง (myocardium) หนามากที่สุด ประกอบขึ้นจาก กล้ามเนื้อหัวใจ (cardiac muscle) และเป็นส่วนของกล้ามเนื้อหัวใจซึ่งมีลักษณะพิเศษที่มีการทำงานอยู่นอกอำนาจจิตใจ
3. ชั้นใน (endocardium) ประกอบด้วย เนื้อเยื่อบุผิว กล้ามเนื้อเรียบและเนื้อเยื่อเกี่ยวพันมากมาย
กลับไปที่เนื้อหา
ห้องหัวใจ
หัวใจคนมี 4 ห้อง คือ ห้องบน (atrium, auricle) 2 ห้อง และห้องล่า
(ventricle) 2 ห้อง
1. เอเตรียมขวา (right atrium)
- มีขนาดเล็ก ผนังกล้ามเนื้อบาง
- รับเลือดที่ใช้แล้วจากส่วนต่างๆของร่างกาย
ซูพีเรียเวนาคาวา (superior vena cava) รับเลือดดำจากศีรษะและแขน
อินฟีเรียเวนาคาวา (inferior vena cava) รับเลือดดำจากอวัยวะภายในและขา
2. เอเตรียมซ้าย (left atrium)
- หัวใจห้องบนซ้าย มีขนาดเล็ก ผนังกล้ามเนื้อบาง
- รับเลือดที่ฟอกแล้วจากปอดจากเส้นเลือดพัลโมนารีเวน(pulmonary vein)
3. เวนตริเคิลขวา (right ventricle)
- หัวใจห้องล่างขวา
- รับเลือดจากเอเตรียมขวา และส่งไปฟอกที่ปอดโดยเส้นเลือดพัลโมนารีอาร์เทอรี (pulmonary artery)
4. เวนตริเคิลซ้าย (left ventricle)
- เป็นหัวใจห้องล่างซ้าย
- มีผนังกล้ามเนื้อหนาที่สุด
- รับเลือดจากเอเตรียมซ้ายแล้วสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย ออกไปกับเส้นเลือดเอออร์ตา (aorta)
ลิ้นหัวใจ (โครงสร้างที่ป้องกันไม่ให้เลือดไหลย้อนกลับ)
1. ลิ้นพัลโมนารี เซมิลูนาร์ (pulmonary semilunar valve)
- อยู่ที่โคนของเส้นเลือดพัลโมนารีเวน
- ลักษณะเป็นถุงรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว 3 ใบ
- ทำหน้าที่กันไม่ให้เลือดไหลกลับสู่เวนตริเคิลขวา
2. ลิ้นไตรคัสปิด (tricuspid valve)
- อยู่ระหว่างหัวใจห้องเอเตรียมขวาและเวนตริเคิลขวา
- ลักษณะเป็นแผ่น 3 แผ่น
- ป้องกันไม่ให้เลือดในเวนตริเคิลขวาไหลย้อนกลับขึ้นสู่เอเตรียมขวา
3. ลิ้นไบคัสปิด (bicuspid valve) หรือลิ้นไมทรัล (mitral valve)
- อยู่ที่โคนของเส้นเลือดพัลโมนารีอาร์เทอรี
- ลักษณะเป็นถุงรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว 2 ใบ
- ป้องกันไม่ให้เลือดไหลกลับสู่เวนตริเคิลขวา
4. ลิ้นเอออร์ติก เซมิลูนาร์ (aortic semilunar valve)
- อยู่ที่โคนของเส้นเลือดพัลโมนารีอาร์เทอรี
- ลักษณะเป็นถุงรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว 3 ใบ
- ป้องกันไม่ให้เลือดไหลกลับสู่เวนตริเคิลขวา
กลับไปที่เนื้อหา
เส้นเลือด (Blood Vessel)
แบ่งออกเป็น 3 ชนิด คือ
1. เส้นเลือดแดง (artery)
2. เส้นเลือดดำ (vein)
3. เส้นเลือดฝอย (capillary)
1.เส้นเลือดแดงหรืออาร์เตอรี
- นำเลือดออกจากหัวใจไปยังเส้นเลือดฝอย
- ปกด. เอออร์ตา(aorta) มีขนาดใหญ่ที่สุด อาร์เตอรี (artery) ขนาดต่างๆ และอาร์เตอริโอล (arteriole)
- หลอดเลือดแดงยืดหยุ่นได้ดี เนื่องจากมีอีลาสติกไฟเบอร์ (Elastic Fiber) อยู่มาก
- เส้นเลือดแดงมีผนังหนาเนื่องจากมีกล้ามเนื้อเรียบค่อนข้างมาก (เพื่อต้านทานแรงดันของเลือดที่ส่งออกจากหัวใจและปรับระดับความดันเลือดไม่ให้ลดลงมากหนัก)
2. เส้นเลือดดำหรือเวน (Vein)
- นำเลือดเข้าสู่หัวใจ
- ปกด. เวนาคาวา (Vena cava) มีขนาดใหญ่ที่สุด เวน (Vein) ขนาดต่างๆ เวนูล (Venule)
- เวนูลมีผนังบางมากไม่มีกล้ามเนื้อเรียบเลย
- เส้นเลือดดำสามารถยืดขยายได้ดีจึงมีความจุสูง
- ความดันในเส้นเลือดดำต่ำ จึงมีลิ้นอยู่ด้วยช่วยป้องกัน ไม่ให้เลือดไหลย้อนกลับ(ใช้ในการเจาะเลือด/บริจาคเลือด )
3. เส้นเลือดฝอย (capillary)
- อยู่ระหว่างเส้นเลือดแดงอาเตอริโอลและเส้นเลือดดำเวนูล
- มีขนาดเล็กที่สุด ผนังประกอบด้วยเซลล์เพียงชั้นเดียว สานกันเป็นตาข่ายร่างแหแทรกอยู่ทุกส่วนของร่างกาย
- เส้นเลือดฝอยมีขนาดเล็กและผนังบางมาก ทำให้เลือดไหลผ่านเส้นเลือดฝอยอย่างช้าๆ และเกิดการแลกเปลี่ยน ก๊าซ สารอาหารและของเสียต่างๆ ระหว่างเลือดในเส้นเลือดฝอยและเซลล์
กลับไปที่เนื้อหา
การหมุนเวียนเลือด
-หัวใจห้องเอเตรียมขวา จะรับเลือดที่มี O2ต่ำ จากเส้นเวนขนาดใหญ่Superior vena cava ซึ่งนำเลือดมาจากศีรษะและแขน และรับเลือดจากเส้นเวน Inferior vena cava ซึ่งนำเลือดมาจากส่วนล่างของลำตัว คืออวัยวะภายในและขาเข้าสู่หัวใจ
- เอเตรียมขวาบีบตัว เลือดไหลผ่านลิ้นไตรคัสปิดลงสู่เวนตริเคิลขวา
- เวนตริเคิลขวาจะบีบตัวทำให้เลือดถูกส่งผ่านลิ้นพัลโมนารี หรือเซมิลูนาร์ เข้าสู่เส้นเลือดพัลโมนารี อาร์เทอรี (Pulmonary artery) ซึ่งจะนำเลือดไปยังปอดเพื่อแลกเปลี่ยนก๊าซโดยปล่อย CO2ให้แก่ปอด และรับ O2จากปอดกลายเป็นเส้นเลือดที่มี O2สูง
- เลือดที่มี O2สูงไหลเข้าสู่พัลโมนารี เวน (Pulmonary vein) เข้าสู่ห้องหัวใจเอเตรียมซ้าย
- เมื่อหัวใจห้องเอเตรียมซ้ายบีบตัว ซึ่งเกิดในจังหวะเดียวกับ เอเตรียมขวา จะทำให้เลือดไหลผ่านลงสู่ลิ้นไบคัสปิด ลงสู่หัวใจห้องเวนตริเคิลซ้าย
- เมื่อเวนตริเคิลซ้ายบีบตัวจะดันให้เลือดไหลผ่านลิ้นเอออร์ติก หรือเซมิลูนาร์ เข้าสู่เอออร์ตา จากเอออร์ตาจะแตกแขนงเป็นอาร์เทอรี อาร์เทอริโอลแยกไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย
กลับไปที่เนื้อหา
ส่วนประกอบของเลือดคน (Blood Component)
**พลาสมา หรือน้ำเลือด (plasma) 55 %
**เม็ดเลือด (blood corpuscle) 45 %
4เซลล์เม็ดเลือดแดง (erythrocyte)
4เซลล์เม็ดเลือดขาว (leucocyte)
4เพลตเลต หรือ เกล็ดเลือด (platelet)
เซลล์เม็ดเลือดแดง (erythrocyte)
- ระยะเอ็มบริโอ สร้างจาก ตับ ม้าม ไขกระดูก
- ภายหลังคลอดแล้ว สร้างจากไขกระดูก เมื่อสร้างมาใหม่ๆ จะมีนิวเคลียส แต่เมื่อเจริญเต็มที่จะไม่มีนิวเคลียสและมีฮีโมโกบิลรวมกับ O2ได้ดีมาก
- อายุของเซลล์เม็ดเลือดแดง 100-200 วัน -หลังจากนั้นจะถูกทำลายที่ตับและม้าม
เซลล์เม็ดเลือดขาว (leukocytes)
- ใหญ่กว่าเซลล์เม็ดเลือดแดง มีอายุ 3-14 วัน
- แหล่งที่สร้างเม็ดเลือดขาว คือ ม้าม ไขกระดูก และต่อมน้ำเหลือง
- มีอายุประมาณ 3-14 วัน
- แบ่งเป็น 2 กลุ่ม
1) lymphocyte ทำหน้าที่สร้างสารต่อต้านจำเพาะ (antibody)
ได้แก่ B-lymphocyte, T-lymphocyte
2) phagocyte ทำลายเชื้อโรคแบบไม่จำเพาะ phagocytosis
เช่น monocyte, neutrophil, eosinophil ทำลายพยาธิ,basophil ตอบสนองอาการแพ้
เกล็ดเลือด (platelets)
- เกล็ดเลือด (platelet) คือ เซลล์เม็ดโลหิตชนิดหนึ่ง ซึ่งมีขนาดเล็กมา มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น
- ช่วยทำให้โลหิตแข็งเป็นลิ่ม และอุดรอยฉีกขาดของเส้นโลหิตเวลาที่ถูกของมีคมบาด
- มีรูปร่างไม่แน่นอน
- ภายในประกอบด้วยทอมโบรพลาสติน (thromboplastin) ซึ่งมีส่วนประกอบสำคัญเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด
น้ำเลือด (plasma)น้ำเลือดเป็นของเหลวค่อนข้างใส มีสีเหลืองอ่อน
น้ำเลือดประกอบด้วย
1.น้ำ ประมาณ 90-93 % รักษาระดับของน้ำเลือด และความดันเลือดให้คงที่ เป็นตัวกลางในการลำเลียงสาร
2.โปรตีน 7-10 % (โพรบริโนเจน, อัลบูมิน, โกลบูลิน) ช่วยในการแข็งตัวของเลือด
สารอาหารโมเลกุลเล็กๆ ยูเรีย คาร์บอนไดออกไซด์ เอนไซม์และฮอร์โมนชนิดต่างๆ
กลับไปที่เนื้อหา
-
7050 การลำเลียงสาร /lesson-biology/item/7050-2017-05-23-14-01-13เพิ่มในรายการโปรด