เพราะเหตุใดจึงต้องมีการทดลองหลอดที่ 1 และ 2
การทดลองหลอดที่ 1 และ 2 เป็นชุดควบคุม เพื่อเปรียบเทียบกับหลอดที่ 3
- หลอดที่ 1 ไม่เกิดฟองแก๊สขึ้นเนื่องจากปฏิกิริยาการสลายตัวของ H
2
O
2
เกิดได้ช้ามาก
เกิดออกซิเจนได้น้อยมาก (negative control)
- หลอดที่ 2 เกิดฟองแก๊สปริมาณมาก เป็นผลจากการสลายตัวของ H
2
O
2
อย่างรวดเร็ว
เมื่อมี KI เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา (positive control)
ตัวอย่างที่นำ�มาศึกษาให้ผลการทดลองเหมือนกันหรือไม่ อย่างไร
ให้ผลการทดลองเหมือนกันคือจะมีฟองแก๊สเกิดขึ้นแต่อาจจะมีปริมาณฟองแก๊สแตกต่างกัน
จะทดสอบแก๊สออกซิเจนที่เกิดขึ้นได้อย่างไร
ทดสอบได้โดยใช้ธูปที่ดับเปลวไฟแล้ว เหลือเฉพาะปลายถ่านแดง ๆ จ่อเข้าไปใน
หลอดทดลอง ถ้าถ่านสีแดงวาบขึ้น แสดงว่าเป็นแก๊สออกซิเจน
เขียนสมการเคมีแสดงปฏิกิริยาการสลายของ H
2
O
2
2H
2
O
2
→ 2H
2
O + O
2
เพราะเหตุใดการสลาย H
2
O
2
ในสภาพแวดล้อมภายนอกจึงเกิดขึ้นเองได้ช้ามาก
เนื่องจากในการเกิดปฏิกิริยาการสลายของ H
2
O
2
น่าจะต้องการพลังงานกระตุ้นสูงมาก
จึงทำ�ให้ปฏิกิริยาเกิดขึ้นเองได้ช้ามาก
เพราะเหตุใดชิ้นส่วนของสิ่งมีชีวิตจึงทำ�ให้ปฏิกิริยาเกิดได้เร็วขึ้น
เพราะในเซลล์ของสิ่งมีชีวิตมีเอนไซม์เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา
หลังจากทำ�กิจกรรม 2.2 แล้ว ครูแสดงภาพการเกิดปฏิกิริยาเคมี เมื่อมีเอนไซม์และไม่มีเอนไซม์
ดังรูป 2.39 ในหนังสือเรียน เพื่อให้นักเรียนเข้าใจบทบาทของเอนไซม์ในการทำ�หน้าที่ลดพลังงาน
กระตุ้น จากนั้นให้ศึกษาเกี่ยวกับการทำ�งานของเอนไซม์ในการเปลี่ยนสารตั้งต้นเป็นสารผลิตภัณฑ์ โดย
ใช้ตัวอย่างการเร่งปฏิกิริยาสลายซูโครสโดยเอนไซม์ซูเครส ดังรูป 2.40 และศึกษาเกี่ยวกับ
การเปลี่ยนแปลงรูปร่างของเอนไซม์เมื่อจับกับสารตั้งต้น ดังรูป 2.41 ในหนังสือเรียน แล้วให้นักเรียน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 2 | เคมีที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต
ชีววิทยา เล่ม 1
121