3. ครูควรให้นักเรียนทำ�การทดลองมาล่วงหน้าและนำ�ผลการทดลองมาอภิปรายร่วมกันในชั้น
เรียน หรืออาจนำ�ต้นข้าวโพดที่เตรียมไว้มาทดลองก่อนการเรียนประมาณ 1-2 ชั่วโมง เพื่อ
ให้นักเรียนสังเกตผลการทดลองร่วมกันในห้องเรียน
ต้นที่
การทดลอง
ลักษณะโคลีออพไทล์ของต้นข้าวโพด
1 ต้นข้าวโพดปกติ
เบนเข้าหาแสง
2 ตัดปลายโคลีออพไทล์ ออกประมาณ
3 mm ทาวาลีินหรือลาโนลินที่รอยตัด
ไม่เบนเข้าหาแสง
3 ตัดปลายโคลีออพไทล์ ออกประมาณ
3 mm ทาวาสลีนหรือลาโนลินผสม
สารสังเคราะห์ที่มีส่วนผสมของออกซิน
ความเข้มข้น 0.1%
เบนเข้าหาแสง
4 ใช้อะลูมิเนียมฟอยล์หุ้มส่วนปลาย
โคลีออพไทล์
ไม่เบนเข้าหาแสง
สรุปและอภิปรายผลการทดลอง
ต้นกล้าข้าวโพดที่มีส่วนปลายโคลีออพไทล์และได้รับแสง สามารถโค้งเข้าหาแสงได้ เนื่องจาก
บริเวณส่วนปลายโคลีออพไทล์จะสร้างออกซินและถูกลำ�เลียงไปยังด้านที่ได้รับแสงน้อย ทำ�ให้
เซลล์บริเวณนั้นมีปริมาณออกซินมากซึ่งจะไปกระตุ้นให้เซลล์ขยายตัวตามยาวมากกว่าด้านที่
ได้รับแสง ส่วนต้นกล้าที่ไม่มีส่วนปลายโคลีออพไทล์และได้รับแสง แต่ได้รับสารสังเคราะห์ที่มี
สมบัติของออกซินก็มีการตอบสนองต่อแสงเช่นเดียวกัน สำ�หรับต้นกล้าที่มีปลายโคลีออพไทล์
แต่ไม่ได้รับแสง การกระจายของออกซินจะสม่ำ�เสมอทุกด้าน ทำ�ให้เซลล์ขยายตัวตามยาวเท่า
กันทุกด้าน ปลายโคลีออพไทล์จึงตั้งตรงแสดงว่าออกซินตอบสนองต่อแสงและทำ�ให้เกิดการเบน
เข้าหาแสงของโคลีออพไทล์
เฉลยคำ�ถามท้ายกิจกรรม
เพราะเหตุใดจึงต้องเพาะเมล็ดข้าวโพดในที่มืด
เนื่องจากแสงมีผลต่อการตอบสนองของโคลีออพไทล์ ทำ�ให้ผลการทดลองคลาดเคลื่อนได้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 12 | การควบคุมการเจริญเติบโตและการตอบสนองของพืช
ชีววิทยา เล่ม 3
254