แนวการจัดการเรียนรู้
ครูทบทวนปัจจัยที่ทำ�ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความถี่ของแอลลีล ที่นำ�ไปสู่การเปลี่ยนแปลง
โครงสร้างทางพันธุกรรมของประชากร เรียกว่า วิวัฒนาการระดับจุลภาค ซึ่งเมื่อการเปลี่ยนแปลง
ดังกล่าวมีมากพอ อาจนำ�ไปสู่การเกิดสปีชีส์ใหม่ เรียกว่า วิวัฒนาการระดับมหภาค และใช้คำ�ถามนำ�
ในหนังสือเรียนว่า
สปีชีส์มีความหมายอย่างไร
เพื่อให้นักเรียนได้ศึกษาต่อในหัวข้อ 7.5.1
7.5.1 ความหมายของสปีชีส์
ครูให้นักเรียนศึกษารูป 7.20 ในหนังสือเรียนแล้วถามคำ�ถามในหนังสือเรียนว่า
นกในรูปมี
ลักษณะคล้ายคลึงกันมาก บอกได้หรือไม่ว่าเป็นสปีชีส์เดียวกันหรือต่างสปีชีส์ เพราะเหตุใด
ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนอภิปรายโดยใช้ความรู้เดิมที่มีอยู่ ซึ่งนักเรียนอาจจะตอบได้ว่า
ไม่สามารถบอกได้จากลักษณะภายนอก อาจศึกษาจากข้อมูลทางพันธุกรรม หรืออาจให้นก 2 ตัวนี้
ผสมพันธุ์กัน หากสามารถผสมพันธุ์กันและให้ลูกหลานสืบทอดต่อไปได้แสดงว่าเป็นนกสปีชีส์เดียวกัน
แต่ถ้าให้ลูกที่เป็นหมันหรือลูกที่ค่อย ๆ อ่อนแอลงเรื่อย ๆ ในแต่ละชั่วรุ่น หรือนก 2 ตัวนี้
ไม่สามารถผสมพันธุ์และให้กำ�เนิดลูกได้ แสดงว่าต่างสปีชีส์กัน ซึ่งการใช้เกณฑ์ดังข้างต้นเป็นการใช้
เกณฑ์ตามความหมายของสปีชีส์ทางด้านชีววิทยา จากนั้นครูให้ความรู้เพิ่มเติมว่า มีแนวคิดเกี่ยวกับ
ความหมายของสปีชีส์ทางด้านอื่นๆ เช่น
1. สปีชีส์ทางด้านสัณฐานวิทยา
2. สปีชีส์ทางด้านสายวิวัฒนาการ
จากนั้นครูให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า การจัดสปีชีส์โดยอาศัยความหมายของสปีชีส์ในด้านใดด้านหนึ่ง
นั้นอาจไม่สามารถใช้ได้ในทุกสถานการณ์หรือไม่สามารถใช้กับสิ่งมีชีวิตได้ทุกชนิด และให้นักเรียนตอบ
คำ�ถามในหนังสือเรียน
การศึกษาเพื่อจำ�แนกสปีชีส์ของซากดึกดำ�บรรพ์ควรใช้ความหมายของสปีชีส์ตามแนวคิดใด
เพราะเหตุใด
การจำ�แนกสปีชีส์ของซากดึกดำ�บรรพ์น่าจะใช้หลักฐานทางด้านสัณฐานและโครงสร้างทาง
กายภาพซึ่งเป็นการจัดสปีชีส์โดยใช้ความหมายทางด้านสัณฐานวิทยา เนื่องจากซากดึกดำ�บรรพ์
สูญพันธุ์ไปแล้วจึงไม่สามารถใช้การจัดสปีชีส์โดยใช้ความหมายทางด้านชีววิทยาซึ่งอาศัย
หลักฐานด้านการผสมพันธุ์และให้กำ�เนิดลูกหลานได้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 7 | วิวัฒนาการ
ชีววิทยา เล่ม 2
233