Table of Contents Table of Contents
Previous Page  141 / 302 Next Page
Information
Show Menu
Previous Page 141 / 302 Next Page
Page Background

ความหนาแน่นของปากใบจะบอกถึงอัตราการแลกเปลี่ยนแก๊สและการคายน้ำ�ของพืช ซึ่ง

สัมพันธ์กับลักษณะการดำ�รงชีวิตของพืช ดังนี้

- ลีลาวดีซึ่งเป็นพืชบกทั่วไป เอพิเดอร์มิสด้านล่างมีความหนาแน่นของปากใบมาก แต่

ไม่พบปากใบบริเวณเอพิเดอร์มิสด้านบน เนื่องจากพืชบกอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีแก๊ส

ต่าง ๆ และความชื้นในบรรยากาศน้อย การมีปากใบบริเวณเอพิเดอร์มิสที่ผิวใบ

ด้านบนน้อยจะช่วยลดการสูญเสียน้ำ�จากการคายน้ำ�

- บัวสายซึ่งเป็นพืชน้ำ�ที่มีใบปริ่มน้ำ� เอพิเดอร์มิสด้านบนมีความหนาแน่นของปากใบ

มาก ส่วนเอพิเดอร์มิสด้านล่างไม่มีปากใบ เนื่องจากพืชน้ำ�ได้รับน้ำ�อยู่ตลอดเวลา

แต่ได้รับแก๊สที่ละลายอยู่ในน้ำ�น้อย การมีรูปากใบที่เอพิเดอร์มิสด้านบนมากจะช่วย

ให้การคายน้ำ�เกิดได้รวดเร็ว และทำ�ให้ได้รับแก๊สจากบรรยากาศมาก

- สับปะรดสีซึ่งเป็นพืชทนแล้ง มีปากใบน้อยเมื่อเทียบกับพืชบกทั่วๆ ไปและพืชน้ำ� โดย

ไม่พบปากใบบริเวณเอพิเดอร์มิสด้านบนเลย เนื่องจากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แห้งแล้ง

การมีปากใบน้อยจะช่วยให้ลดการสูญเสียน้ำ� นอกจากนี้ปากใบของพืชทนแล้งยัง

มักจะฝังตัวลึกกว่าระดับชั้นเนื้อเยื่อเอพิเดอร์มิส ผิวใบทั้งด้านบนและด้านล่างยังมี

สารคิวทินเคลือบอยู่ พืชทนแล้งจึงมีสภาพโครงสร้างของใบเหมาะสมที่จะทำ�ให้

สามารถดำ�รงชีวิตอยู่ได้โดยสูญเสียน้ำ�น้อยที่สุด

10.2.1 กลไกการเปิดปิดปากใบ

ครูให้นักเรียนศึกษารูป 10.7 ในหนังสือเรียนเกี่ยวกับลักษณะของปากใบในเวลากลางวันและ

กลางคืน แล้วใช้คำ�ถามในหนังสือเรียนถามนักเรียนว่าการเปิดและปิดของปากใบเกิดขึ้นได้อย่างไร

คำ�ตอบที่ได้อาจยังไม่ถูกต้อง ครูควรรวบรวมคำ�ตอบของนักเรียน จากนั้นให้นักเรียนสืบค้นข้อมูล

เกี่ยวกับกลไกการเปิดปิดปากใบของใบพืชจากหนังสือเรียน และรูป 10.8 และ 10.9 ในหนังสือเรียน

โดยมีคำ�ถามเพื่อนำ�ไปสู่การสืบค้น ดังนี้

การเปิดปิดปากใบเป็นผลมาจากอะไร

ลักษณะของเซลล์คุมสัมพันธ์กับการเปิดปิดปากใบอย่างไร

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

บทที่ 10 | การลำ�เลียงของพืช

ชีววิทยา เล่ม 3

129