ครูให้นักเรียนศึกษารูป 4.6 การทดลองของแอเวอรี แมคลอยด์ และแมคคาร์ที ซึ่งนักเรียนควร
สรุปได้ว่า DNA เป็นสารที่สามารถเปลี่ยนพันธุกรรมของแบคทีเรียสายพันธุ์ R ให้เป็นแบคทีเรียสาย
พันธุ์ S
ครูอาจขยายความรู้เพิ่มเติมว่า การที่แอเวอรีทดลองโดยใช้เอนไซม์ต่าง ๆ ได้แก่ DNase RNase
และ โปรตีเอสลงไปรวมกับสารสกัดจากแบคทีเรียสายพันธุ์ S เพื่อให้แน่ใจว่า เมื่อ DNA ถูกย่อยสลาย
โดย DNase จะไม่มี DNA ที่จะไปเปลี่ยนแบคทีเรียสายพันธุ์ R ให้เป็นแบคทีเรียสายพันธุ์ S ได้
ส่วนหลอดอื่นๆ DNA ไม่ถูกย่อยสลายจะพบแบคทีเรียสายพันธุ์ S นอกจากนี้มีนักวิทยาศาสตร์บาง
คนคิดว่าโปรตีนอาจเป็นสารพันธุกรรม ดังนั้นการทดลองของแอเวอรีที่เติมโปรตีเอส เมื่อย่อยสลาย
โปรตีนแล้วพบว่ามีแบคทีเรียสายพันธุ์ S เกิดขึ้น ซึ่งยืนยันว่าสารพันธุกรรมคือ DNA ไม่ใช่โปรตีน
ครูให้นักเรียนตอบคำ�ถามในหนังสือเรียน ซึ่งมีแนวการตอบดังนี้
ถ้าเพิ่มชุดการทดลอง จ. ที่เติมเอนไซม์ทั้ง 3 ชนิด คือ DNase RNase และโปรตีเอส ลงในหลอด
ทดลองที่มีแบคทีเรียสายพันธุ์ R แล้วนำ�ไปเพาะเลี้ยงในอาหารเลี้ยงเชื้อ เมื่อตรวจสอบจะพบ
แบคทีเรียสายพันธุ์ใด เพราะเหตุใด
ชุดการทดลอง จ. ควรจะพบแบคทีเรียสายพันธุ์ R เนื่องจาก DNase ย่อย DNA ของแบคทีเรีย
สายพันธุ์ S จึงไม่เหลือ DNA ที่จะเปลี่ยนพันธุกรรมของแบคทีเรียจากสายพันธุ์ R ให้เป็น
แบคทีเรียสายพันธุ์ S
DNA ส่วนที่ไม่ใช่ยีน ทำ�หน้าที่อะไรบ้าง และมนุษย์สามารถใช้ประโยชน์จาก DNA ส่วน
นี้ได้หรือไม่ อย่างไร
DNA ส่วนที่ไม่ใช่ยีนมีลำ�ดับนิวคลีโอไทด์บางส่วนทำ�หน้าที่ควบคุมการแสดงออกของยีน
บางส่วนทำ�หน้าที่เป็นจุดเริ่มต้นของการจำ�ลองตัวเองของDNAบางส่วนเป็นเซนโทรเมียร์
บางส่วนอยู่ที่ปลายโครโมโซมเรียกว่า เทโลเมียร์ อย่างไรก็ตาม DNA ส่วนที่ไม่ใช่ยีนส่วน
ใหญ่ยังไม่ทราบว่าทำ�หน้าที่อะไร มนุษย์ใช้ประโยชน์ของ DNA ส่วนที่ไม่ใช่ยีนในด้าน
นิติวิทยาศาสตร์ เช่น การระบุตัวบุคคลเพื่อตรวจพิสูจน์ความสัมพันธ์ทางสายเลือดหรือ
คดีความต่าง ๆ ซึ่งจะได้ศึกษาในบทเทคโนโลยีทางดีเอ็นเอต่อไป
ชวนคิด
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 4 | โครโมโซมและสารพันธุกรรม
ชีววิทยา เล่ม 2
12