นอกจากนี้ ครูควรถามคำ�ถามเพื่อให้นักเรียนเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างการเคลื่อนที่ของ
น้ำ�ในรากกับชลศักย์โดยใช้คำ�ถามถามนักเรียนว่า
จากทิศทางการเคลื่อนที่ของน้ำ�ในรากที่ศึกษามา
นักเรียนคิดว่าชลศักย์ในบริเวณต่าง ๆ ของรากควรเป็นอย่างไร
ซึ่งนักเรียนควรตอบได้ว่า
การเคลื่อนที่ของน้ำ�ในรากควรเป็นไปตามความแตกต่างของชลศักย์ ดังนั้นชลศักย์บริเวณเซลล์ขนราก
ควรจะสูงกว่าในเซลล์ของคอร์เทกซ์และไซเล็มตามลำ�ดับ โดยครูอธิบายเพิ่มเติมว่าเนื่องจากน้ำ�ภายใน
ไซเล็มได้รับแรงดึงจากการคายน้ำ�ซึ่งทำ�ให้ชลศักย์ลดลง จึงเกิดความแตกต่างของชลศักย์ในบริเวณต่างๆ
ของรากขึ้น จากนั้นครูใช้คำ�ถามถามนักเรียนว่า
เมื่อน้ำ�ลำ�เลียงถึงไซเล็มแล้วจะเคลื่อนที่ต่อไปได้
อย่างไร
10.1.3 การลำ�เลียงน้ำ�ภายในไซเล็ม
ครูทบทวนความรู้ให้แก่นักเรียนว่า เมื่อน้ำ�เคลื่อนที่เข้าสู่ไซเล็มของรากแล้ว จะเคลื่อนที่ขึ้น
ไปสู่ส่วนต่าง ๆ ของลำ�ต้นผ่านทางไซเล็ม และอาจเชื่อมโยงความเข้าใจระหว่างการลำ�เลียงน้ำ�ตาม
ไซเล็มและโครงสร้างของไซเล็มในลำ�ต้น โดยนำ�ดอกไม้สีขาว ที่มีก้านตรง ยาว มาผ่าก้านตามยาว
อาจผ่าเป็น 2-4 แฉก นำ�แต่ละแฉกไปจุ่มในน้ำ�ที่มีสีผสมอาหารสีต่างกัน นานประมาณ 3-5 ชั่วโมง
เพื่อให้ได้ดอกไม้ที่มีกลีบหลายสีในดอกเดียวกัน นำ�มาให้นักเรียนดูแล้วถามว่าเหตุการณ์ดังกล่าวนี้
เกิดขึ้นได้อย่างไร
โมเลกุลน้ำ�จากดินมีโอกาสที่จะเคลื่อนที่เข้าสู่ไซเล็มโดยไม่ผ่านเยื่อหุ้มเซลล์ได้หรือไม่
เพราะเหตุใด
ไมได้ เนื่องจากโมเลกุลน้ำ�ที่เข้าสู่รากและผ่านการลำ�เลียงน้ำ�ในรากแบบซิมพลาสต์และ
แบบทรานส์เมมเบรนนั้น จะเคลื่อนที่ผ่านเยื่อหุ้มเซลล์เข้าสู่เซลล์ขนรากตั้งแต่ขั้น
การลำ�เลียงน้ำ�จากสิ่งแวดล้อมเข้าสู่รากพืช ส่วนโมเลกุลน้ำ�ที่เข้าสู่รากและผ่านการลำ�เลียงน้ำ�
ในรากแบบอโพพลาสต์นั้น จะต้องเปลี่ยนมาเคลื่อนที่ผ่านเยื่อหุ้มเซลล์เพื่อเข้าสู่เซลล์
ก่อนที่จะผ่านเอนโดเดอร์มิสเข้าสู่ไซเล็ม
ตรวจสอบความเข้าใจ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
บทที่ 10 | การลำ�เลียงของพืช
ชีววิทยา เล่ม 3
119