Table of Contents Table of Contents
Previous Page  255 / 283 Next Page
Information
Show Menu
Previous Page 255 / 283 Next Page
Page Background

การวิเคราะห์ตัวชี้วัด

แนวทางการจัดการเรียนรู้

แนวทางการวัดและประเมินตัวชี้วัด

ตัวชี้วัด

๗. ออกแบบการทดลองและทดลองด้วยวิธีที่เหมาะสมในการอธิบายการต่อหลอดไฟฟ้าแบบอนุกรมและแบบขนาน

๘. ตระหนักถึงประโยชน์ของความรู้ของการต่อหลอดไฟฟ้าแบบอนุกรมและแบบขนาน โดยบอกประโยชน์ ข้อจำ�กัด และการประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำ�วัน

ด้านความรู้

๑. การต่อหลอดไฟฟ้าแบบอนุกรมเป็นการต่อ

หลอดไฟฟ้าแบบเรียงกันโดยกระแสไฟฟ้าที่

ผ่านหลอดไฟฟ้าแต่ละดวงเป็นกระแสไฟฟ้า

จำ�นวนเดียวกัน เมื่อถอดหลอดไฟฟ้าดวงใด

ดวงหนึ่งออกทำ�ให้หลอดไฟฟ้าที่เหลือดับ

ทั้งหมด

๒. การต่อหลอดไฟฟ้าแบบขนานเป็นการต่อ

หลอดไฟฟ้าที่หลอดไฟฟ้าแต่ละดวงต่อคร่อม

กัน ทำ�ให้มีกระแสไฟฟ้าแยกผ่านหลอดไฟฟ้า

แต่ละดวง เมื่อถอดหลอดไฟฟ้าดวงใดดวงหนึ่ง

ออก หลอดไฟฟ้าที่เหลือก็ยังสว่างอยู่

๓. การต่อหลอดไฟฟ้าแต่ละแบบสามารถนำ�ไปใช้

ประโยชน์ได้แตกต่างกัน

ด้านทักษะ

ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

๑. ทักษะการสังเกต โดยบรรยายความสว่างของ

หลอดไฟฟ้าที่เหลือในวงจรไฟฟ้า เมื่อถอด

หลอดไฟฟ้าออก ๑ ดวง จากวงจรไฟฟ้าที่มี

การต่อหลอดไฟฟ้าแบบอนุกรมและแบบขนาน

ด้านความรู้

๑. อธิบายและเปรียบเทียบการต่อหลอดไฟฟ้าแบบ

อนุกรมและแบบขนาน

๒. ระบุประโยชน์จากการต่อหลอดไฟฟ้าแบบอนุกรม

และแบบขนาน และยกตัวอย่างเหตุการณ์หรือการ

ต่อหลอดไฟฟ้าแบบอนุกรมและแบบขนานในชีวิต

ประจำ�วัน

ด้านทักษะ

ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

๑. ประเมินทักษะการสังเกต จากการบันทึกรายละเอียด

ความสว่างของหลอดไฟฟ้าที่เหลือในวงจรไฟฟ้า

เมื่อถอดหลอดไฟฟ้าออก ๑ ดวง จากวงจรไฟฟ้าที่

มีการต่อหลอดไฟฟ้าแบบอนุกรมและแบบขนาน

๑. ครูกระตุ้นให้นักเรียนเกิดข้อสงสัยและตั้งคำ�ถามเกี่ยวกับการต่อ

หลอดไฟฟ้าแบบอนุกรมและแบบขนาน โดยอาจใช้กิจกรรมสาธิต

ใช้สื่อต่าง ๆ เช่น วีดิทัศน์แสดงเหตุการณ์ที่มีหลอดไฟฟ้าบางดวงสว่าง

บางดวงดับ หรือใช้การซักถาม เพื่อนำ�ไปสู่การทำ�กิจกรรมการต่อ

หลอดไฟฟ้าแบบอนุกรมและแบบขนาน

๒. นักเรียนออกแบบวิธีการต่อหลอดไฟฟ้า ๒ ดวง โดยให้ออกแบบ ๒ วิธีที่

ทำ�ให้หลอดไฟฟ้าสว่างเพื่อเปรียบเทียบวงจรไฟฟ้าที่มีการต่อหลอดไฟฟ้า

ทั้ง ๒ วิธีนั้น บันทึกผล

๓. นักเรียนต่อวงจรไฟฟ้า ๒ วิธี ตามที่ได้ออกแบบไว้ จากนั้น ถอดหลอดไฟฟ้า

ของแต่ละวงจรออก ๑ ดวง สังเกตการเปลี่ยนแปลงของหลอดไฟฟ้าที่เหลือ

ในวงจร บันทึกผล

๔. นักเรียนนำ�เสนอผลการทำ�กิจกรรม ร่วมกันอภิปรายโดยใช้หลักฐาน

เชิงประจักษ์เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่าการต่อหลอดไฟฟ้าแบบเรียงกันเมื่อ

ถอดหลอดไฟฟ้าดวงใดดวงหนึ่งออกทำ�ให้หลอดไฟฟ้าที่เหลือดับทั้งหมด

เนื่องจากกระแสไฟฟ้าที่ผ่านหลอดไฟฟ้าแต่ละดวงเป็นกระแสไฟฟ้า

จำ�นวนเดียวกัน ส่วนการต่อหลอดไฟฟ้าให้หลอดไฟฟ้าแต่ละดวงต่อคร่อม

กัน เมื่อถอดหลอดไฟฟ้าดวงใดดวงหนึ่งออก หลอดไฟฟ้าที่เหลือก็ยังสว่าง

ได้ เนื่องจากมีกระแสไฟฟ้าแยกผ่านหลอดไฟฟ้าแต่ละดวง

๕. ครูให้ความรู้เพิ่มเติมว่าการต่อหลอดไฟฟ้าแบบเรียงกันเป็นการต่อ

หลอดไฟฟ้าแบบอนุกรม ส่วนการต่อหลอดไฟฟ้าที่ต่อหลอดไฟฟ้าแต่ละ

ดวงคร่อมกันเป็นการต่อหลอดไฟฟ้าแบบขนาน

245

วิทยาศาสตร์

ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖