Table of Contents Table of Contents
Previous Page  127 / 367 Next Page
Information
Show Menu
Previous Page 127 / 367 Next Page
Page Background

การวิเคราะห์ตัวชี้วัด

แนวทางการจัดการเรียนรู้

แนวทางการวัดและประเมินตัวชี้วัด

ความร้อน อนุภาคของของแข็งจะมีพลังงานเพิ่มขึ้นและสั่นมากขึ้น

แรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคของของแข็งจะลดลง เมื่ออนุภาคของ

ของแข็งมีพลังงานเพิ่มขึ้นจนถึงระดับหนึ่งจะมีอุณหภูมิคงที่ ที่อุณหภูมิ

นี้ของแข็งจะใช้ความร้อนเปลี่ยนสถานะเป็นของเหลว เรียกความร้อนที่

ใช้ในการเปลี่ยนสถานะจากของแข็งเป็นของเหลวว่า ความร้อนแฝงของ

การหลอมเหลว และอุณหภูมิขณะเปลี่ยนสถานะว่าจุดหลอมเหลว

เมื่อของเหลวได้รับความร้อน อนุภาคของของเหลวจะมีพลังงาน

เพิ่มขึ้นและเคลื่อนที่เร็วขึ้น แรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคของของเหลว

จะลดลง เมื่ออนุภาคของของเหลวมีพลังงานเพิ่มขึ้นจนถึงระดับหนึ่งจะ

มีอุณหภูมิคงที่ ที่อุณหภูมิคงที่นี้ของเหลวจะใช้ความร้อนเปลี่ยนสถานะ

เป็นแก๊ส เรียกความร้อนที่ใช้ในการเปลี่ยนสถานะจากของเหลวเป็นแก๊ส

ว่า ความร้อนแฝงของการกลายเป็นไอ และอุณหภูมิขณะเปลี่ยนสถานะ

ว่าจุดเดือด

เมื่อแก๊สสูญเสียความร้อน อนุภาคของแก๊สจะมีพลังงานลดลงและ

เคลื่อนที่ช้าลง อนุภาคของแก๊สจะเคลื่อนที่เข้าใกล้กันมากขึ้น แรงยึดเหนี่ยว

ระหว่างอนุภาคของแก๊สจะเพิ่มขึ้น เมื่ออนุภาคของแก๊สมีพลังงานลดลง

จนถึงระดับหนึ่งจะมีอุณหภูมิคงที่ ขณะที่อุณหภูมิคงที่นี้แก๊สจะเปลี่ยน

สถานะเป็นของเหลว เรียกอุณหภูมิที่แก๊สจะเปลี่ยนสถานะเป็นของเหลว

ว่าจุดควบแน่น ซึ่งมีค่าเดียวกันกับจุดเดือดของของเหลวนั้น

เมื่อของเหลวสูญเสียความร้อน อนุภาคของของเหลวจะมีพลังงาน

ลดลงและเคลื่อนที่ช้าลง อนุภาคของของเหลวจะเคลื่อนที่เข้าใกล้กันมาก

ขึ้น แรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคของของเหลวจะเพิ่มขึ้น เมื่ออนุภาค

ของของเหลวมีพลังงานลดลงจนถึงระดับหนึ่งจะมีอุณหภูมิคงที่ ขณะที่

อุณหภูมิคงที่นี้ ของเหลวจะเปลี่ยนสถานะเป็นของแข็ง เรียกอุณหภูมิที่

ของเหลวเปลี่ยนสถานะเป็นของแข็งว่าจุดเยือกแข็ง ซึ่งมีค่าเดียวกันกับ

จุดหลอมเหลวของของแข็งนั้น  

๒. ประเมินทักษะการวัด จากการใช้เทอร์มอมิเตอร์

วัดอุณหภูมิของสสารที่เวลาต่าง ๆ อ่านค่าอุณหภูมิ

พร้อมระบุหน่วยของอุณหภูมิได้อย่างถูกต้อง

๓. ประเมินทักษะการจัดกระทำ�และสื่อความหมาย

ข้อมูล จากการนำ�ผลการวัดอุณหภูมิของสสารที่

เวลาต่าง ๆ มาเขียนกราฟความสัมพันธ์ระหว่าง

อุณหภูมิกับเวลาและนำ�เสนอแบบจำ�ลองที่สืบค้น

เพื่ออธิบายความสัมพันธ์ระหว่างพลังงานความร้อน

กับการเปลี่ยนสถานะของสสาร ได้อย่างถูกต้อง และ

ช่วยให้ผู้อื่นเข้าใจความหมายของข้อมูลได้อย่าง

รวดเร็ว ชัดเจน และถูกต้อง

๔. ประเมินทักษะการลงความเห็น จากการนำ�ข้อมูล

จากการสังเกตการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของสสาร

ที่เวลาต่าง ๆ และการเปลี่ยนสถานะของสสาร

มาอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างพลังงานความร้อน

กับการเปลี่ยนสถานะของสสารได้อย่างสมเหตุสมผล

๕. ประเมินทักษะการตีความหมายข้อมูลและลงข้อ

สรุป จากการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากกราฟความ

สัมพันธ์ระหว่างอุณหภูมิกับเวลา และลงข้อสรุป

เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างพลังงานความร้อน

กับการเปลี่ยนสถานะของสสารได้อย่างถูกต้อง

๖. ประเมินทักษะการสร้างแบบจำ�ลอง จากการสร้าง

และใช้แบบจำ�ลองที่แสดงให้เห็นถึงแนวคิดที่ถูกต้อง

เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างพลังงานความร้อนกับ

การเปลี่ยนสถานะของสสารได้ถูกต้อง รวมทั้งเปรียบ

เทียบแบบจำ�ลองกับของจริงหรือปรากฏการณ์จริง

ได้อย่างถูกต้อง

๓. ทักษะการจัดกระทำ�และสื่อความหมาย

ข้อมูล โดยนำ�ข้อมูลที่ได้จากการสังเกตมา

เขียนกราฟความสัมพันธ์ระหว่างอุณหภูมิ

กับเวลา และนำ�เสนอแบบจำ�ลองที่สืบค้น

เพื่ออธิบายความสัมพันธ์ระหว่างพลังงาน

ความร้อนกับการเปลี่ยนสถานะของสสาร

๔. ทักษะการลงความเห็นจากข้อมูล โดย

นำ�ข้อมูลจากการสังเกตการเปลี่ยนแปลง

อุณหภูมิของสสารที่เวลาต่าง ๆ และ

การเปลี่ยนสถานะของสสาร มาอธิบาย

ความสัมพันธ์ระหว่างพลังงานความร้อนกับ

การเปลี่ยนสถานะของสสาร

๕. ทั ก ษ ะ ก า ร ตี ค ว า ม ห ม า ย ข้ อ มู ล แ ล ะ

ลงข้อสรุป โดยวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จาก

กราฟความสัมพันธ์ระหว่างอุณหภูมิกับ

เวลา เพื่อลงข้อสรุปความสัมพันธ์ระหว่าง

พลังงานความร้อนกับการเปลี่ยนสถานะ

ของสสาร

๖. ทักษะการสร้างแบบจำ�ลอง โดยสร้างและใช้

แบบจำ�ลองเพื่ออธิบายความสัมพันธ์ระหว่าง

พลังงานความร้อนกับการเปลี่ยนสถานะ

ของสสาร

117

วิทยาศาสตร์

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑